บทความนี้จะพามาเปิดโครงสร้างราคาน้ำมันไทย ว่าจากน้ำมันดิบต้องผ่านอะไรบ้าง กว่าจะมาถึงราคาขายปลีกหน้าปั๊มที่เราเติมกัน
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าราคาน้ำมันขายปลีกที่เราเติม เป็นคนละตัวกับราคาน้ำมันดิบ และราคาหน้าโรงกลั่น เพราะหลังจากขุดน้ำมันออกมาแล้ว ต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ ทำให้มีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามมามากมาย ดังนี้
โครงสร้างราคาน้ำมัน
1. ราคาหน้าโรงกลั่น คือ ส่วนต่างกำไรที่ธุรกิจโรงกลั่นจะได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ โดยคิดมาจาก “ค่าการกลั่น” ซึ่งเป็นต้นทุนจากเนื้อน้ำมันดิบ บวกด้วยค่าดำเนินการกลั่น และต้นทุนค่าขนส่ง ทั้งนี้ ค่าการกลั่นของไทยจะอ้างอิงตามตลาดสิงคโปร์
2. ภาษีที่จ่ายให้รัฐบาล แบ่งออกเป็น
- ภาษีสรรพสามิต น้ำมันแต่ละชนิดจะมีอัตราเรียกเก็บที่แตกต่างกันไป
- ภาษีเทศบาล เรียกเก็บเพื่อเป็นเงินอุดหนุนในพื้นที่ที่มีโรงกลั่นตั้งอยู่ ในอัตรา 10% ของภาษีสรรพสามิต
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 7% เช่นเดียวกับสินค้าอื่น ๆ ทั่วไป
3. เงินกองทุนน้ำมัน โดยมีด้วยกัน 2 กองทุน ได้แก่
- กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเป็นเงินสำรองไว้ใช้ตอนที่ราคาน้ำมันสูงขึ้น ก็จะดึงเงินตรงนี้่มาพยุงไม่ให้ราคาแพงเกินไป ซึ่งน้ำมันแต่ละชนิดจะมีอัตราเรียกเก็บไม่เท่ากัน
- กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อนำไปส่งเสริมพลังงานทดแทนในประเทศ น้ำมันทุกชนิดโดนเก็บเท่ากันที่ 0.10 บาท/ลิตร
4. ค่าการตลาด คือ ส่วนที่เป็นเหมือนกำไรขั้นต้นของปั๊มน้ำมัน
ผู้ประกอบการแต่ละรายสามารถกำหนดเองได้ แต่จะมีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดโดยกระทรวงพลังงาน โดยให้กรอบค่าการตลาดไว้ว่าขึ้นลงได้ไม่เกินช่วงราคาเท่าไร
FinSpace