
ช่วงที่ผ่านมา โลกการลงทุนเผชิญแรงสั่นสะเทือนจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯ เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าแบบสูงลิ่ว เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 ทำให้ตลาดหุ้นหลายแห่งทั่วโลกปรับตัวลงแรง
แต่เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2025 ทรัมป์ตัดสินใจ “กลับลำ” ลดและเลื่อนการเก็บภาษีออกไปอีก 90 วัน ยกเว้นจีน ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวทันที และอาจกลายเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุน
หุ้นเวียดนาม ฟื้นตัวหลังจากปรับฐานลึก
ตลาดหุ้นเวียดนาม (VN30) ประสบกับการปรับฐานที่รุนแรงถึง -15% หลังจากเหตุการณ์วันที่ 2 เมษายนที่สร้างความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ทำให้เกิดแรงกดดันต่อหุ้นเวียดนามที่ได้รับผลกระทบสูงจากนโยบายนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อความกังวลเริ่มคลี่คลายในช่วงวันที่ 9 เมษายน 2025 ตลาดหุ้นเวียดนามก็เริ่มฟื้นตัว โดยมีการปรับตัวขึ้นถึง 6.9% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการตอบสนองในเชิงบวกต่อข่าวดีจากสหรัฐฯ
ในขณะที่ Valuation ของตลาดหุ้นเวียดนามในตอนนี้ถือว่าถูกมาก ๆ ด้วยระดับ 12-M Forward P/E อยู่ที่ 7.3 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ที่ระดับประมาณ -2 S.D. ในรอบ 10 ปี ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ราคาหุ้นในปัจจุบันอาจต่ำกว่าความเป็นจริงและอาจมีโอกาสในการเติบโตในอนาคต
หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ความหวังใหม่หลังจากการปรับฐาน
ในอีกด้าน หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลกก็เคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงที่ผ่านมา แม้จะไม่ใช่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาษีนำเข้า แต่ก็ถูกกดดันจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย (Recession Fear) และแรงขายในตลาดพันธบัตร
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเทคโนโลยียังไม่ได้เปลี่ยนแปลง และยังคงเป็นธีมการเติบโตที่สำคัญของโลกในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า Nasdaq 100 ยังคงซื้อขายที่ Forward P/E ประมาณ 23.2 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมา
ทรัมป์กลับลำ ตลาดฟื้นตัว?
ท่าที “กลับลำ” ของโดนัลด์ ทรัมป์เรื่องการเก็บภาษีนำเข้า อาจไม่ใช่แค่ความพยายามบรรเทาความตึงเครียดระยะสั้น แต่สะท้อนแนวโน้มของ “การเจรจา” มากกว่า “การเผชิญหน้า” ในการจัดการนโยบายการค้า ซึ่งส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกเริ่มตอบสนองในเชิงบวกมากขึ้น
แม้จะยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าความผันผวนจะสิ้นสุดลง แต่การเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ อาจช่วยเปิดโอกาสให้บางสินทรัพย์เริ่มฟื้นตัว นักลงทุนจึงอาจใช้ช่วงเวลานี้ทบทวนโอกาสในสินทรัพย์ที่ราคาย่อแรงเกินพื้นฐาน โดยไม่ลืมประเมินความเสี่ยงอย่างรอบด้าน
กองทุนแนะนำโดย Finnomena Funds
- กองทุน PRINCIPAL VNEQ-A เป็นกองทุนหุ้นเวียดนามศักยภาพสูง ซึ่งเป็นตลาดที่ถูกและดี พร้อมด้วย Sentiment จากการปรับโครงสร้างระบบราชการ ลดจำนวนบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ เวียดนามยังมีปัจจัยหนุนในการเตรียมเข้าสู่ EM Market ของดัชนี FTSE ในปีนี้
- กองทุน B-INNOTECH ซึ่งเป็นกองทุน F-Pick ในหมวดกองทุนหุ้นเทคโนโลยี ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก โดยคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการเติบโตของกำไรที่ดี และมี Valuation ไม่แพงเกินไป เช่น TSMC, Apple, Amazon, Alphabet และ Microsoft ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกเทขายจากความกังวลเรื่องภาษีนำเข้า
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299