เวียดนาม จากอดีตอันโหดร้าย สู่ "จีน 2.0"

เวียดนามเคยเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ซบเซา แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดในเอเชีย จนถูกขนานนามว่าเป็น “จีน 2.0” ด้วยปัจจัยหลายประการที่เอื้อต่อการพัฒนาและดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก

จากสงครามสู่การปฏิรูป

ถ้าย้อนกลับไป 50-60 ปีที่แล้ว เวียดนามคือหนึ่งในประเทศที่เจ็บปวดที่สุดในโลก สงครามเวียดนาม (Vietnam War) ระหว่างปี 1955-1975 ทิ้งรอยแผลไว้ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ประชากรเสียชีวิตนับล้าน เศรษฐกิจพังพินาศ ประเทศถูกแบ่งแยกเป็นเหนือ-ใต้ และต้องเผชิญการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก

หลังสงครามสิ้นสุดในปี 1975 เวียดนามได้รวมชาติภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ แต่เศรษฐกิจยังคงอยู่ในสภาพย่ำแย่ ประชากรในประเทศยังยากจน โดย GDP ต่อหัวในช่วงทศวรรษ 1980 อยู่แค่หลักร้อยดอลลาร์สหรัฐ เรียกได้ว่าชีวิตคนเวียดนามในยุคนั้นคือ “การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด”

จนกระทั่งปี 1986 รัฐบาลเวียดนามเริ่มใช้นโยบาย “Đổi Mới” (โด๋ยเม้ย) หรือ “การปฏิรูปใหม่” ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนจากระบบเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ไปสู่ระบบตลาดแบบสังคมนิยม ทำให้เศรษฐกิจค่อย ๆ ฟื้นตัว และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

“โรงงานโลก” บทเรียนจากจีน 

แนวทางของเวียดนามคล้ายกับจีนในยุคปฏิรูปของเติ้ง เสี่ยวผิง โดยทั้งสองประเทศมีปัจจัยร่วมกันคือ แรงงานราคาถูก ประชากรจำนวนมาก และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากความยากจน

นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี ทำให้ในปี 2025 คาดว่า GDP ต่อหัวของเวียดนามจะอยู่ที่ราว 5,000-6,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากที่เคยอยู่แค่หลักร้อยดอลลาร์สหรัฐเมื่อ 40 ปีที่แล้ว

โดยปัจจัยที่ทำให้เวียดนามก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นหลักในเวทีเศรษฐกิจโลก และได้รับขนานนามว่าเป็น “จีน 2.0” มีดังนี้

  1. ค่าแรงถูกกว่า

ในช่วงทศวรรษ 2000-2010 จีนเคยเป็น “โรงงานของโลก” แต่เมื่อค่าแรงในจีนสูงขึ้น (ปัจจุบันสูงกว่าเวียดนาม 2-3 เท่า) บริษัทข้ามชาติ เช่น Nike, Samsung, Intel จึงหันมาสร้างโรงงานในเวียดนามแทน ทำให้เวียดนามกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

  1. สงครามการค้าสหรัฐ-จีน

ตั้งแต่ปี 2018 ที่สหรัฐเริ่มเก็บภาษีสินค้าจากจีน เวียดนามได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิต ตัวเลขการส่งออกไปยังสหรัฐพุ่งสูงขึ้นทุกปี โดยคาดว่าในปี 2025 การส่งออกของเวียดนามอาจแตะ 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

  1. ประชากรวัยทำงานหนุ่มสาว

เวียดนามมีประชากรเกือบ 100 ล้านคน และเกือบครึ่งหนึ่งเป็นแรงงานในวัยหนุ่มสาว อายุเฉลี่ยของประชากรอยู่ที่ 32 ปี ซึ่งต่างจากจีนที่กำลังเผชิญปัญหาสังคมสูงวัยและแรงงานลดลง

  1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

รัฐบาลเวียดนามลงทุนหนักในท่าเรือ ถนน และนิคมอุตสาหกรรม เช่น ท่าเรือไฮฟอง และเขตเศรษฐกิจพิเศษในโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งช่วยให้ประเทศสามารถรองรับการลงทุนจากต่างชาติและเติบโตอย่างรวดเร็ว

ความท้าทายที่ต้องเผชิญ

แม้ภาพรวมเวียดนามจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เส้นทางสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย เนื่องจาก

  1. โครงสร้างพื้นฐานบางส่วนยังล้าหลัง โดยเฉพาะระบบโลจิสติกส์และพลังงานที่ยังไม่สามารถรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมได้อย่างเต็มที่
  2. ปัญหาการทุจริตและระบบราชการ ซึ่งยังเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจและการลงทุน
  3. การพึ่งพาการลงทุนจากต่างชาติมากเกินไป อาจทำให้เศรษฐกิจเวียดนามเปราะบางหากเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
  4. ขนาดเศรษฐกิจที่เล็กกว่าจีนมาก ปัจจุบันเศรษฐกิจของเวียดนามยังมีขนาดเพียง 1/10 ของจีน และจีนยังคงเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เหนือกว่า

การเติบโตของเวียดนามจากประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งสู่ “จีน 2.0” ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์โลก 

อย่างไรก็ตาม แม้เวียดนามจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าทึ่ง แต่เส้นทางสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่แท้จริงยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย และแม้เวียดนามจะยังไม่ถึงขั้นท้าทายจีนในระดับเศรษฐกิจโลก แต่การพัฒนาในระดับนี้ก็ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวและการเติบโตที่รวดเร็ว สู่การเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักของเศรษฐกิจโลกในอนาคต

โอกาสลงทุนกองทุนหุ้นเวียดนาม

PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนหุ้นเวียดนามศักยภาพสูง เป็นตลาดที่ถูกและดี พร้อมด้วย Sentiment จากการปรับโครงสร้างระบบราชการ ลดจำนวนบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ เวียดนามยังมีปัจจัยหนุนในการเตรียมเข้าสู่ EM Market ของดัชนี FTSE ในปีนี้

รับฟัง “Mr Messenger Talk Podcast Ep 28 – เวียดนาม จากอดีตอันโหดร้าย กลายเป็นจีน 2.0 ในวันนี้” 

YouTube video player


อ้างอิง: Mr.Messenger Podcast

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Wealth Health Check