
คืนวันที่ 3 เมษายน 2025 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) และ ดัชนี NASDAQ 100 ปรับตัวลงแรงกว่า -4.84% และ -5.41% ตามลำดับ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ได้แก่ Apple (-9.25%), Amazon (-8.98%), Meta (-8.96%), Nvidia (-7.81%), Google (-3.92%) และ Microsoft (-2.36%)
การปรับตัวลงดังกล่าวเกิดหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) โดยจะเก็บภาษีขั้นต่ำที่ 10% กับสินค้านำเข้าทุกประเทศที่ส่งสินค้าเข้ามายังสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันเสาร์ที่ 5 เมษายน 2025 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังประกาศขึ้นภาษีเพิ่มเติมกับอีก 60 ประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ สูงที่สุด (The 60 “Worst Offenders” Countries) โดยภาษีดังกล่าวจะอยู่ในระดับ 10%-50% และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2025
ด้านนายสก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ พร้อมเจรจาต่อรองกับทุกประเทศ และขอแนะนำให้ประเทศต่าง ๆ อย่าเพิ่งตอบโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีทันที ขณะเดียวกันหลายประเทศ เช่น เวียดนาม อินเดีย ไต้หวัน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ได้เริ่มเจรจากับสหรัฐฯ ล่วงหน้าไปก่อนหน้านี้แล้ว
Finnomena Funds มองว่า อัตราภาษีตอบโต้ที่ประกาศไม่ได้คำนวณจากกำแพงภาษีที่แต่ละประเทศมีต่อสหรัฐฯ แต่สูตรคำนวณสร้างมาจากขนาดของการ “ขาดดุลการค้า” ที่สหรัฐฯ มีต่อนานาประเทศ โดยยิ่งขาดดุลเยอะ ก็ยิ่งเก็บภาษีตอบโต้เยอะ สะท้อนให้เห็นว่าการประกาศครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อการ “เจรจา (make deal)” กับประเทศที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐฯ มากกว่าการเก็บภาษีจริง
เรายังเชื่อว่าการประกาศครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นและตัวเร่งของการเจรจาทางการค้ามากกว่าการที่พยายามจะเก็บภาษีตามตัวเลขที่ประกาศ ซึ่งสอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และยังเชื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ต้องการจะสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อและเพิ่มความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยจากการตั้งกำแพงภาษี โดยทิศทางที่น่าจะเกิดขึ้นหลังจากนี้คือประเทศคู่ค้ายิ่งต้องเร่งการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อลดอัตราภาษีตอบโต้ให้น้อยกว่าที่ประกาศ
โดยให้ติดตามความคืบหน้าที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 9 เมษายน มีความเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์ Liberation Day ในวันที่ 2 เมษายนจะเป็นจุดที่ตลาดเจอกับข่าวร้ายที่สุด (Worst News) ไปแล้ว และหลังจากนี้จะเป็นภาพของการเจรจา ผ่อนปรนภาษีกับหลาย ๆ ประเทศ
แนะนำ Wait and See ในการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นโลก เพื่อรอดูทิศทางพัฒนาการต่อจากนี้ ซึ่งในมุมมองกรณีฐานของเราเชื่อว่าจะมีการเจรจาเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ และหากเป็นเช่นนั้นจะพิจารณาแนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป อย่างไรก็ตามหากประเทศคู่ค้าสำคัญเลือกการตอบโต้เป็นหลักมากกว่าการเจรจาการค้า เราจะขอปรับทบทวนมุมมองกลยุทธ์การลงทุนการอีกครั้ง
จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299