จัดเต็ม 7 กองทุนลดหย่อนภาษีแนะนํา โค้งสุดท้ายปี 2024
โดยคุณบดินทร์ พุทธอินทร์ บลจ. อีสท์สปริง (ประเทศไทย)
ปีหน้า บลจ. อีสท์สปริง มีมุมมองอย่างไร (สดใสหรือรอพายุมา)
บลจ. อีสท์สปริง มองว่ายังเป็นปีที่มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง สำหรับความเสี่ยง ประกอบด้วยความเสี่ยงหลัก ๆ 3 ด้าน ดังนี้
(1) ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งมีความไม่แน่นอนสูงจากการขึ้นมาดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เช่น ในเชิงการดำเนินโยบายที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการกีดกันต่าง ๆ ทำให้โลกอาจแบ่งเป็น 2 ขั้ว (ประกอบด้วย สหรัฐฯ และพันธมิตร และกลุ่มที่ไม่ใช่สหรัฐฯ เช่น จีน และรัสเซีย) ซึ่งความเสี่ยงนี้อาจนำพาให้เกิด
(2) ความท้าทายของการดำเนินนโยบายทางการเงินและการคลัง และ
(3) ความผันผวนของตลาดหุ้น หรือการเกิดผลกระทบเชิงลบที่รุนแรงกว่าปกติ (Negative Impact) เนื่องจากมูลค่าหุ้น (Valuation) ในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับสูง
สำหรับโอกาส บลจ. อีสท์สปริง เห็นว่า เศรษฐกิจในภาพรวม โดยเฉพาะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังเติบโตได้ดี โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะเติบโตได้ประมาณ 2.1-2.4% ในปี 2025 และอัตราการเติบโตของกำไรของบริษัทสหรัฐฯ ยังโตได้ในระดับ 12-13% ซึ่งอาจเห็นอัตราการเติบโตของกำไรหุ้นที่ 15-16% รวมถึงตัวเลขสถิติต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจที่ออกมาดี รวมถึงการทยอยลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่ง บลจ. อีสท์สปริง มองว่าเป็นโอกาสสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น
เมื่อพิจารณาทั้งโอกาสและความเสี่ยง บลจ. อีสท์สปริง คิดว่าเป็นโอกาสมากกว่าความเสี่ยง โดยมองว่าปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ตลาดได้พิจารณาเข้าไปอยู่ในราคาหุ้น (Priced-in) ทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ดี สำหรับนโยบายที่กระทบกับฝั่งเศรษฐกิจจีน อาจยังมีความไม่ชัดเจนอยู่บ้าง ทั้งจากนโยบายสหรัฐฯ ที่มีต่อจีน และมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาเป็นระยะ ๆ แต่ บลจ. อีสท์สปริง เชื่อว่าในครั้งนี้จีนมีความพร้อมในการรับมือกับสหรัฐฯ มากขึ้น และมองว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะรับแรงกระแทกได้
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สินทรัพย์ต่าง ๆ มีการเคลื่อนไหวอย่างไร และเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ เป็นอย่างไร
ตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Market) มีโอกาสเติบโตได้ดีกว่าประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) อย่างไรก็ดี รวมแล้วตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ทั้งหมด ยกเว้น เกาหลีใต้ ซึ่งมีปัจจัยเฉพาะตัวด้านการเมืองในประเทศ
นอกจากตลาดหุ้นจะทำผลงานได้ดีแล้ว สำหรับการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของประเทศพัฒนาแล้ว G7 คาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ 1.7% ด้านสหรัฐฯ คาดเติบโตประมาณ 2.0% ส่วนญี่ปุ่นประมาณ 1.0% และยุโรป 1.2% ตามลำดับ ในขณะที่ประเทศในภูมิภาคเอเชีย คาดว่าจีนจะเติบโตประมาณ 4.5% อินเดียประมาณ 6.7% ไทยประมาณ 2.6% อินโดนีเซีย 5.1% เวียดนาม 6.2% ในขณะที่ไต้หวัน และเกาหลีใต้ประมาณ 2-3% โดยหากเจาะลึกลงในแต่ละประเทศ จะมีรายละเอียด ดังนี้
ที่มา: Eastspring Pitchbook Dec 2024 Monthly Outlook
ที่มา: Eastspring Pitchbook Dec 2024 Monthly Outlook
ที่มา: Eastspring Pitchbook Dec 2024 Monthly Outlook
การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว แม้ว่าจะชะลอตัวด้วยอัตราที่ช้าลง ทั้งนี้ ตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจ เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) และความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) อยู่ในระดับที่น่าพอใจ สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคไม่ได้กังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตได้ดี บลจ. อีสท์สปริงมองว่าการลดดอกเบี้ยอาจจะลดน้อยลงกว่าที่คาดการณ์ แต่ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น หากกำไรของบริษัทต่าง ๆ ยังทำได้ดี รวมถึงนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ น่าจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ โดย บลจ. อีสท์สปริง เชื่อว่า นโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน และทั่วโลก การต่ออายุโครงการการลดภาษี และการลดภาษีนิติบุคคลน่าจะทำได้ แต่อัตราการลดอาจจะไม่ได้มากเท่าตามที่หาเสียงไว้
ด้วยเหตุนี้ บลจ. อีสท์สปริง มองว่าเป็นโอกาสในการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้ว่าความเสี่ยงด้านมูลค่า (Valuation) จะเริ่มอยู่ในระดับสูง หมายความว่า หากตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาจริงไม่ได้ตามที่ตลาดคาด อาจทำให้ตลาดปรับฐานได้ อย่างไรก็ดี แนวโน้มผลประกอบการในปี 2025 ของหุ้นกลุ่มเติบโตและกลุ่มอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดย บลจ. อีสท์สปริง มองว่าตลาดน่าจะเริ่มปรับพอร์ตไปยังกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์
ที่มา: Eastspring Pitchbook Dec 2024 Monthly Outlook
การเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรปคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ช้า โดยตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างอ่อนแอ และไม่สม่ำเสมอ ซึ่งความเปราะบางของเศรษฐกิจนี้ เป็นตัวผลักดันให้ธนาคารกลางยุโรปน่าจะลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องในการประชุมช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 ทั้งนี้ แม้การประเมินมูลค่าจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ บลจ. อีสท์สปริง มองว่ายังดูมีความน่าสนใจน้อยกว่า เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ
ที่มา: Eastspring Pitchbook Dec 2024 Monthly Outlook
การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนยังค่อนข้างทรงตัว แม้ว่ารัฐบาลจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางด้านการส่งเสริมการให้สินเชื่อ การลดการกันเงินสำรอง การสนับสนุนการฟื้นตัวของอสังหาริมทรัพย์ และการอัดฉีดเงินเข้าตลาดหุ้น โดยเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ทั้งนี้ บลจ. อีสท์สปริง ยังไม่มั่นใจในตลาดหุ้นจีนเท่าใดนัก จึงเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด
ที่มา: Eastspring Pitchbook Dec 2024 Monthly Outlook
การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย ยังมีเสถียรภาพที่ดี ซึ่งอินเดียอาจได้ประโยชน์จากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยธนาคารกลางอินเดียแสดงท่าทีว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ
ที่มา: Eastspring Pitchbook Dec 2024 Monthly Outlook
การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยยังอยู่ในภาพที่ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป โดย บลจ. อีสท์สปริง มองว่าการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2025 น่าจะทำได้เร็วขึ้น และการใช้จ่ายภาครัฐน่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย ซึ่งยังต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่ารัฐบาลสามารถผลักดันได้จริงหรือไม่
ที่มา: Eastspring Pitchbook Dec 2024 Monthly Outlook
ในมุมมองของ บลจ. อีสท์สปริง มองว่าปัจจุบันมูลค่าหุ้นของตลาดพัฒนาแล้วสูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยเหตุนี้ ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียมีระดับราคาที่น่าสนใจมากกว่า เมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว แต่ก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์มากกว่า ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ บลจ. อีสท์สปริงชอบตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นเติบโต และหุ้นเทคโนโลยี รวมถึงหุ้นอินเดีย และหุ้นเวียดนาม
ที่มา: Eastspring Pitchbook Dec 2024 Monthly Outlook
นอกจากนี้ บลจ. อีสท์สปริง ยังให้ความสนใจกับการลงทุนตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารหนี้ต่างประเทศ ซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงได้ ทั้งนี้ แม้ว่าดอกเบี้ยจะปรับตัวลงช้ากว่าคาดการณ์เดิม แต่ตราสารหนี้ระดับ IG และ MBS ของสหรัฐฯ ยังมีความน่าสนใจในการสร้างผลตอบแทนจากราคา (Capital Gain) ได้
ที่มา: Eastspring Pitchbook Dec 2024 Monthly Outlook
กองทุนที่น่าสนใจเพื่อลดหย่อนภาษี
1. กองทุน ThaiESG
1.1 ES-ESG3070 โดยมีทั้งกองทุนแบบจ่ายปันผล (ES-ESG3070-THAIESG-D) และไม่จ่ายปันผล (สะสมมูลค่า) (ES-ESG3070-THAIESG-A) ซึ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SET ESG และตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน โดยผสมผสานระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้ในสัดส่วน 30% และ 70%
1.2 ES-SETESG โดยมีทั้งกองทุนแบบจ่ายปันผล (ES-SETESG-THAIESG-D) และไม่จ่ายปันผล (ES-SETESG-THAIESG-A) เช่นเดียวกัน โดยลงทุนในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SET ESG Index
2. กองทุน RMF
2.1 ES-GRMF ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก โดยเน้นกลุ่มคุณภาพดี และลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในระยะยาวเป็นส่วนใหญ่
2.2 ES-GINCOMERMF เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ที่ผสมผสาน ทั้งตราสารหนี้ระยะสั้น และระยะยาว รวมถึงตราสารหนี้ภาครัฐ ภาคเอกชน และตราสารหนี้ที่เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน
2.3 ES-GAINCOMERMF เน้นการลงทุนแบบผสม ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และตราสารทางเลือก เช่น หุ้นกู้อนุพันธ์
2.4 ES-GQGRMF เน้นที่การกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก เน้นที่มีการเติบโตดี คุณภาพสูง และมีมูลค่าน่าสนใจ ภายใต้ธีมต่าง ๆ ทั้งปัญญาประดิษฐ์ (AI) การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ และความยั่งยืน
3. กองทุน SSF ES-GTECHSSF เน้นลงทุนในธีมที่ได้รับประโยชน์จาก AI ซึ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ แม้ว่าอาจจะมีความผันผวนมากกว่ากองทุนอื่น ๆ อยู่บ้าง
ที่มา: Eastspring Pitchbook Dec 2024 Monthly Outlook
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF RMF และ ThaiESG กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | บางกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเงื่อนไขโปรโมชั่นหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”