
Donald Trump ประกาศเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งกำลังจะมีผลในวันที่ 9 เมษายน 2025 มีอะไรบ้างที่ต้องรู้ ควรปรับกลยุทธ์การลงทุน รับมือความผันผวนอย่างไรดี?
สิ่งที่เกิดขึ้น
- Tariff ที่ประกาศ เป็น 2 ระดับ
- ระดับแรก คือ Tariff 10% สำหรับทุกสินค้านำเข้าสู่อเมริกา เริ่มเก็บ 5 เม.ย. นี้
- ระดับที่สอง Tariff ระหว่าง 10%-50% เก็บเพิ่มสำหรับ 60 ประเทศที่ Trump เรียกว่า ประเทศผู้ละเมิดทางการค้าที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าด้วยมากที่สุด (the 60 “Worst Offenders” countries) เริ่มเก็บ 9 เม.ย. นี้
- รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ Scott Bessent ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมในการเจรจาต่อรอง และแนะนำให้นานาประเทศอย่าเก็บภาษีโต้กลับทันที
- ก่อนหน้าวันประกาศ Liberation Day มีหลายประเทศเข้าไปเจรจาต่อรองแล้ว เช่น เวียดนาม อินเดีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า S&P 500 ติดลบประมาณ 3% ไปอยู่ในระดับใกล้ ๆ จุดต่ำสุดของปีนี้ โดยคิดเป็นการติดลบ ~ 10% จากจุดสูงสุดของปี ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเข้านี้ (3 เม.ย.) ปรับลดลงประมาณ 1 – 3%
ความเห็นของ Finnomena Funds
- อัตราภาษีตอบโต้ที่ประกาศไม่ได้คำนวณจากกำแพงภาษีที่แต่ละประเทศมีต่อสหรัฐฯ แต่สูตรคำนวณสร้างมาจากขนาดของการ “ขาดดุลการค้า” ที่สหรัฐฯ มีต่อนานาประเทศ โดยยิ่งขาดดุลเยอะ ก็ยิ่งเก็บภาษีตอบโต้เยอะ สะท้อนให้เห็นว่าการประกาศครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อการ “เจรจา (make deal)” กับประเทศที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐฯ มากกว่าการเก็บภาษีจริง
- ยังเชื่อว่าการประกาศภาษีตอบโต้เป็นจุดเริ่มต้นและตัวเร่งของการเจรจาทางการค้า มากกว่าการที่พยายามจะเก็บภาษีตามตัวเลขที่ประกาศ ซึ่งสอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ
- เรายังเชื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ต้องการจะสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อและเพิ่มความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยจากการตั้งกำแพงภาษี
- ทิศทางที่น่าจะเกิดขึ้นหลังจากนี้คือประเทศคู่ค้ายิ่งต้องเร่งการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อลดอัตราภาษีตอบโต้ให้น้อยกว่าที่ประกาศ โดยให้ติดตามความคืบหน้าที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 9 เมษายน
แนะนำกลยุทธ์การลงทุน
- มีความเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์ Liberation Day ในวันที่ 2 เมษายนจะเป็นจุดที่ตลาดเจอกับข่าวร้ายที่สุด (Worst News) ไปแล้ว และหลังจากนี้จะเป็นภาพของการเจรจา ผ่อนปรนภาษีกับหลาย ๆ ประเทศ
- แนะนำ Wait and See ในการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นโลก เพื่อรอดูทิศทางพัฒนาการต่อจากนี้
- ซึ่งในมุมมองกรณีฐานของเราเชื่อว่าจะมีการเจรจาเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ และหากเป็นเช่นนั้นจะพิจารณาแนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป
- อย่างไรก็ตาม หากประเทศคู่ค้าสำคัญเลือกการตอบโต้เป็นหลักมากกว่าการเจรจาการค้า เราจะขอปรับทบทวนมุมมองกลยุทธ์การลงทุนการอีกครั้ง
คำเตือน: เอกสารฉบับนี้จัดทําขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์ซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จํากัด และ/หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เดฟินิท จำกัด ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ จัดทําโดยอาศัยข้อมูลที่จัดหามาจากแหล่งที่เชื่อหรือควรเชื่อว่ามีความน่าเชื่อถือและ/หรือถูกต้อง อย่างไรก็ตามบริษัทไม่ยืนยัน และไม่รับรองถึงความครบถ้วนสมบูรณ์หรือถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว และไม่ได้ประกันราคาหรือผลตอบแทนของหน่วยลงทุนที่ปรากฏข้างต้น แม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏข้อความที่อาจเป็น หรืออาจตีความว่าเป็นเช่นนั้นได้ บริษัทจึงไม่รับผิดชอบต่อการนําเอาข้อมูล ข้อความ ความเห็น และหรือบทสรุปที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ไปใช้ไม่ว่ากรณีใดๆ บริษัทรวมทั้งบริษัทที่เกี่ยวข้อง ลูกค้า ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทต่าง ๆ อาจจะทําการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อ หรือขายหลักทรัพย์ที่ปรากฎในเอกสารฉบับนี้ได้ทุกเวลา ข้อมูล และความเห็นที่ปรากฎอยู่ในเอกสารฉบับนี้ มิได้ประสงค์จะชี้ชวน เสนอแนะ หรือจูงใจให้ตัดสินใจลงทุน หรือซื้อ หรือขายหน่วยลงทุนที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ และข้อมูลอาจมีการแก้ไขเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ผู้ลงทุนควรใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบในการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อหรือขายหลักทรัพย์ บริษัทสงวนลิขสิทธิ์ในข้อมูลที่ปรากฎในเอกสารนี้ ห้ามมิให้ผู้ใดใช้ประโยชน์ ทําซ้ำ ดัดแปลง นําออกแสดง ทําให้ปรากฏหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนไม่ว่าด้วยประการใด ๆ ซึ่งข้อมูลในเอกสารนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากบริษัท เป็นการล่วงหน้า การกล่าวคัด หรืออ้างอิงข้อมูลบางส่วนตามสมควรในเอกสารนี้ ไม่ว่าในบทความ บทวิเคราะห์ บทวิจัย หรือในเอกสาร หรือการสื่อสารอื่นใดจะต้องกระทําโดยถูกต้อง และไม่เป็นการก่อให้เกิดการเข้าใจผิดหรือความเสียหายแก่บริษัท ต้องรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในข้อมูลของบริษัท และต้องอ้างอิงถึงฉบับที่และวันที่ในเอกสารฉบับนี้ของบริษัทโดยชัดแจ้งการตัดสินใจลงทุน หรือซื้อ หรือขายหน่วยลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ท่านควรทําความเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่อลักษณะของหน่วยลงทุนแต่ละประเภท และควรศึกษาข้อมูลของบริษัทที่ออกหน่วยลงทุนและข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องก่อนการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อหรือขายหน่วยลงทุน