ถึงเวลาปรับพอร์ต GCP

Executive Summary

  • ลดสัดส่วน LHTPROP 5% จากปัจจัยด้านพื้นฐานอ่อนแอ ทำให้การ rebound ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นจังหวะการขายที่เหมาะสม 
  • ลดสัดส่วน KF-CSINCOM 35% เพื่อล็อคกำไรในตราสารหนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสในการลงทุนหลัง การประชุม FOMC ต่อไป
  • เพิ่มสัดส่วน KKP MP 40% เพื่อเก็บกระสุน รอโอกาสการลงทุนที่เหมาะสมในอนาคต

คำแนะนำปรับพอร์ต GCP

ถึงเวลาปรับพอร์ต GCP

Finnomena Funds มองเห็นโอกาสการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ SET Index ที่เพิ่มขึ้นมามากกว่า 12% จากจุดต่ำสุด ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2024 เป็นโอกาสในการทยอยลดสัดส่วนหุ้นไทย และ REIT ไทย ที่พื้นฐานกำไรยังอ่อนแอ และมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับต่ำ

ในขณะที่ตราสารหนี้โลกซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนในพอร์ต GCP ถึง 65% ปรับตัวได้ดีจากการลดลงของ Bond Yield เป็นโอกาสในการทำกำไรก่อนบางส่วน โดยสัดส่วนการลงทุนที่ปรับออกทั้งหมด แนะนำให้ไปลงทุนกองทุน KKP MP เพื่อรอโอกาสการลงทุนในอนาคตต่อไป

หุ้นไทยปรับตัวขึ้น เป็นโอกาสการลดสัดส่วน

ถึงเวลาปรับพอร์ต GCP

Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 17/09/2024

SET Index และ SETPREIT ปรับตัวขึ้นมาได้ดีในเดือน สิงหาคม 2024 ถึง ปัจจุบัน (17 กันยายน 2024) อย่างไรก็ดี กำไรบริษัทจดทะเบียนในภาพรวมของ SET Index และ SETPREIT มีการถูกปรับประมาณการลดลง และในระยะกลางถึงระยะยาว อัตราการเติบโตของ SET Index และ SETPREIT ยังต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นโลก สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างยังคงกดดันหุ้นไทยในระยะยาว ทำให้ปรับตัวขึ้นของ SET Index และ SETPREIT น่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการลดสัดส่วนหุ้นไทยในพอร์ต GCP 

Finnomena Funds จึงแนะนำลดสัดส่วนการลดทุนใน LHTPROP ลงทั้งหมด โดยนำเข้าไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้รัฐบาล KKP MP แทน

ตราสารหนี้ปรับตัวขึ้นจาก Yield ที่ลดลง เป็นโอกาสการทำกำไร

ถึงเวลาปรับพอร์ต GCP

Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 17/09/2024

ตราสารหนี้โลกในปี 2024 ปรับตัวขึ้นกว่า 3.5% อันเนื่องมาจากการลดลงของ Bond Yield ทั่วโลก โดยในสหรัฐฯ ตราสารหนี้ US 2-Year Yield ปรับตัวลง 66.7 bps และ US-10 Year Yield ปรับตัวลง 22.8 bps แนวโน้ม Yield ที่ลดลงสะท้อนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องนโยบายในอนาคต

จากประเด็นดังกล่าว Finnomena Funds จึงแนะนำขายทำกำไรกองทุนตราสารหนี้โลก KF-CSINCOM ทั้งหมด เพื่อล็อคกำไรไว้ก่อนในเบื้องต้น โดยสัดส่วนทั้งหมดจะนำไปลงทุนในกองทุน KKP MP เพื่อรับโอกาสการลงทุนในอนาคต อย่างไรก็ดีเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตราสารหนี้โลก ทำให้เรายังแนะนำคงสัดส่วนตราสารหนี้โลกอีก 30% ในกอง UGIS-N ต่อไป

แนะนำกองทุน KKP MP

  • กองทุนรวมตลาดเงิน
  • YTM 2.28%
  • Duration 24 วัน

 

KKP MP มีนโยบายลงทุนเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV ในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตร หรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังหรือหน่วยงานภาครัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน และ/หรือในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎหมายหรือหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด

ถึงเวลาปรับพอร์ต GCP

ถึงเวลาปรับพอร์ต GCP

Source: https://bank.kkpfg.com/ as of 17/09/2024

ดู Fund Fact Sheet กองทุนทั้งหมด

 

จัดทำโดยบลป. เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299