ONE-EUROEQ

Highlight


ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาวะเงินเฟ้อ นโยบายการเงินที่ตึงเครียด และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ 

“อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ตลาดหุ้นยุโรปกำลังแสดงสัญญาณการฟื้นตัวที่น่าสนใจ”

ONE-EUROEQ

ตลาดหุ้นยุโรปในช่วงต้นปี 2025 แสดงถึงการฟื้นตัว โดยเฉพาะหลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2025 ซึ่งนับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 6 ในรอบ 9 เดือน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นเพื่อรับมือกับความท้าทายจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมของทั้งสองฝั่ง

เศรษฐกิจยุโรป

เศรษฐกิจยุโรป (เส้นสีเหลือง) มีแนวโน้มฟื้นตัวเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ | Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 03/03/2025

ปัจจุบันยุโรปไม่ได้เป็นเพียงศูนย์กลางของอุตสาหกรรมดั้งเดิมหรือเศรษฐกิจยุคเก่าอีกต่อไป แต่กำลังปรับตัวสู่อนาคตด้วยการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น เทคโนโลยีสีเขียว พลังงานสะอาด และนวัตกรรมด้านสุขภาพ รวมถึงการนำ AI มาปรับใช้ในภาคการผลิต ซึ่งทำให้หลายบริษัทในภูมิภาคนี้มีโอกาสเติบโตท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง

สำหรับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจากตลาดใหญ่ ๆ อย่างสหรัฐฯ หรือจีน หุ้นยุโรปอาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าจับตามอง ด้วยแนวโน้มการฟื้นตัวและโอกาสเติบโตในระยะยาว

ตีตั๋ว ONE-EUROEQ สู่โอกาสลงทุนในหุ้นยุโรป

กองทุน ONE-EUROEQ หรือกองทุนเปิด วรรณ ยูโรเปี้ยน อิควิตี้ เป็นกองทุนหุ้นยุโรปที่มีกองทุนหลักคือ Eleva European Selection Fund ซึ่งบริหารโดย ELEVA Capital บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการเลือกลงทุนในหุ้นยุโรปผ่านการบริหารแบบเชิงรุก (Active Management)

นอกจากนี้ ยังใช้กลยุทธ์มุ่งเน้นการคัดเลือกบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตสูง แต่ยังไม่สะท้อนในราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน โดยมองหาบริษัทที่มีโอกาสสร้าง Upside ในระยะยาว และเน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่นอกเรดาร์ของตลาด รวมถึงมีศักยภาพเติบโตในระยะ 3 – 5 ปี 

เช่น Novo Nordisk ที่เป็นผู้นำในการผลิตอินซูลินรักษาเบาหวาน หรือ ASML Holding ที่ครองตลาดเครื่องฉายแสง EUV ซึ่งสำคัญมากต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI

ทั้งนี้ แม้ตลาดยุโรปอาจไม่มีหุ้นที่มีขนาดใหญ่เท่ากับ Big Tech ในสหรัฐฯ แต่ยุโรปยังคงเป็นแหล่งรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทั่วโลก

กลยุทธ์การลงทุนกองทุนหลัก

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ ELEVA Capital น่าสนใจคือ การลงทุนที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESG) ซึ่งไม่ได้แค่เป็นคำโฆษณา แต่เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการลงทุนของบริษัท ทุกการตัดสินใจลงทุนจะคำนึงถึงความยั่งยืน และเชื่อว่าบริษัทที่ทำได้ดีในด้านนี้มีโอกาสเติบโตในระยะยาวและสามารถรับมือกับความเสี่ยงในอนาคตได้ดีกว่า

โดยกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนหลักแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้

  1. เลือกบริษัทด้วยเกณฑ์ที่รอบคอบ

สัดส่วนการลงทุน ONE-EUROEQ

สัดส่วนการลงทุนของกองทุนหลัก แยกตามประเทศและอุตสาหกรรม | Source: ELEVA European Selection’s Factsheet as of 28/02/2025

จากบริษัทเกือบ 13,000 แห่งในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA), สวิตเซอร์แลนด์, และสหราชอาณาจักร ELEVA จะคัดเลือกบริษัทที่ตรงตาม 3 เกณฑ์หลัก ได้แก่

  • สภาพคล่องที่ดี
  • มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านยูโร
  • มีคะแนน ESG สูง

หลังจากนั้น จะเลือกบริษัทที่มีคะแนน ESG สูงและคัดบริษัทที่มีคะแนนต่ำออก 20% ก่อนจะทำการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอื่น ๆ เพื่อตัดสินใจเลือกบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว

  1. เลือกลงทุนใน 4 ธีมหลัก

ลงทุนใน 4 ธีมหลัก

4 ธีมบริษัทที่กองทุนเข้าไปลงทุน | Source: ELEVA European Selection
As of 06/03/2025

บริษัทที่กองทุนหลักของ ONE-EUROEQ ลงทุนสามารถแบ่งออกเป็น 4 ธีมหลัก ได้แก่

  • บริษัทที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูล หรือมีมูลนิธิเป็นเจ้าของ
  • บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เริ่มอิ่มตัว แต่มีโมเดลธุรกิจที่แตกต่างและทันสมัย
  • บริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในตลาด
  • บริษัทที่อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงและกำลังพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่

การลงทุนในทั้ง 4 ธีมนี้ทำให้กองทุนสามารถเลือกบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง แม้บางบริษัทอาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักในตลาดหรือต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว

ตัวอย่างหุ้นเด่น Top 10 Holdings กองทุนหลัก

*หมายเหตุ: ข้อมูล ณ วันที่ 7 มีนาคม 2025 สัดส่วนอาจมีการเปลี่ยนแปลง

Top 10 Holdings ONE-EUROEQ

ELEVA European Selection Top 10 Holdings | Source: Financial Times
As of 07/03/2025

  1. Novo Nordisk A/S – 4.50%
    บริษัทยาชั้นนำของเดนมาร์ก เชี่ยวชาญด้านยาเบาหวานและการรักษาโรคเมแทบอลิซึม รวมถึงยาลดน้ำหนักที่มีชื่อเสียง
  2. ASML Holding NV – 3.24%
    บริษัทเทคโนโลยีจากเนเธอร์แลนด์ ผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์โดยเฉพาะเทคโนโลยี Lithography ที่ใช้แสงหรือรังสีพิเศษฉายลงบนแผ่นเวเฟอร์ซิลิคอน
  3. SAP SE – 3.11%
    บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี ผู้ให้บริการระบบ enterprise software และโซลูชั่นธุรกิจ
  4. Schneider Electric SE – 2.81%
    บริษัทจากฝรั่งเศส ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น
  5. 3i Group – 2.69%
    บริษัทการลงทุนและบริหารสินทรัพย์จากสหราชอาณาจักร เน้นการลงทุนในธุรกิจขนาดกลางและโครงสร้างพื้นฐาน
  6. Shell – 2.62%
    บริษัทพลังงานและน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร ดำเนินธุรกิจด้านน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานทดแทน
  7. NatWest Group – 2.53%
    ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่จากสหราชอาณาจักร (เดิมคือ Royal Bank of Scotland)
  8. Flutter Entertainment – 2.44%
    บริษัทเกมและการพนันออนไลน์จากไอร์แลนด์/สหราชอาณาจักร เจ้าของแบรนด์การพนันกีฬาและโป๊กเกอร์ออนไลน์หลายแห่ง
  9. Barclays – 2.40%
    ธนาคารและบริษัทบริการทางการเงินขนาดใหญ่จากสหราชอาณาจักร
  10. Sanofi SA – 2.37%
    บริษัทยาข้ามชาติจากฝรั่งเศส เชี่ยวชาญด้านวัคซีน ยาตามใบสั่งแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทั่วไป

พอร์ตโฟลิโอนี้มีการกระจายตัวในหลายอุตสาหกรรมและประเทศในยุโรป โดยมีสัดส่วนการลงทุนใน Top 10 รวมกันคิดเป็น 28.72% ของพอร์ตทั้งหมด

ผลการดำเนินงานในอดีต (กองทุนหลัก)

ผลการดำเนินงานในอดีต ONE-EUROEQ

ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนหลักตั้งแต่ ตั้งแต่วันที่ 26/01/2015 ถึง 08/03/2025
Source: ELEVA European Selection’s Factsheet as of 10/03/2025

*คำเตือน: ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

กราฟนี้แสดงผลตอบแทนการลงทุนของกองทุน ELEVA European Selection (กองทุนหลัก) เปรียบเทียบกับดัชนีชี้วัด Stoxx Europe 600 NR ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2015 ถึง 8 มีนาคม 2025 โดยแสดงผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง

จากข้อมูลที่ปรากฏในกราฟ กองทุน ELEVA European Selection (เส้นสีฟ้า) มีแนวโน้มผลตอบแทนดีกว่าดัชนี Stoxx Europe 600 NR (เส้นสีเทา) ตลอดช่วงระยะเวลาที่นำเสนอ (26 มกราคม 2015 ถึง 8 มีนาคม 2025) 

ในช่วงระหว่างปี 2015 – 2018 ทั้ง 2 เส้นมีการเคลื่อนไหวค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่หลังจากนั้น ELEVA European Selection เริ่มแสดงผลตอบแทนที่สูงกว่าอย่างชัดเจน

ในช่วงต้นปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการปรับฐานลงอย่างรุนแรงแต่หลังจากจุดต่ำสุดนั้น ทั้งกองทุน ELEVA European Selection และดัชนี Stoxx Europe 600 NR ก็ได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ELEVA European Selection มีการฟื้นตัวที่เร็วและแข็งแกร่งกว่า

เมื่อมาถึงปี 2022 เริ่มเห็นความแตกต่างของผลตอบแทนที่ชัดเจนมากขึ้น และความแตกต่างนี้ยังคงเพิ่มขึ้นจนถึงช่วงสิ้นสุดของกราฟในเดือนมีนาคม 2025 

ณ จุดสิ้นสุดของกราฟ กองทุน ELEVA European Selection มีผลตอบแทนสะสมประมาณ 130 – 140% ในขณะที่ดัชนี Stoxx Europe 600 NR มีผลตอบแทนสะสมประมาณ 80 – 90%

แสดงให้เห็นว่ากองทุน ELEVA European Selection มีผลการดำเนินงานที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด Stoxx Europe 600 NR อย่างโดดเด่นในช่วงระยะเวลาที่แสดงในกราฟ แม้ว่าจะมีช่วงที่ตลาดผันผวนอย่างรุนแรงในปี 2020 ก็ตาม

ผลการดำเนินงานในอดีต ONE-EUROEQ

ทางด้านผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน ONE-EUROEQ ก็ไม่น้อยหน้า โดยมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม (Peer Avg) สูงถึง 4 ปีจาก 5 ปีย้อนหลัง

ผลการดำเนินงานในอดีต ONE-EUROEQ

ผลการดำเนินงานในอดีต ONE-EUROEQ | Source: ONE-EUROEQ’s Factsheet
As of 31/01/2025

*คำเตือน: ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

จากข้อมูลผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปีของกองทุน ONE-EUROEQ เมื่อเปรียบเทียบกับ ดัชนีชี้วัด (Benchmark) และ ค่าเฉลี่ยในกลุ่มเดียวกัน (Peer Avg) สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ปี 2563ONE-EUROEQ ทำผลตอบแทนได้ 1.08% ซึ่งสูงกว่าดัชนีชี้วัด (0.02%) แต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่ม (4.62%)
  • ปี 2564 – กองทุนทำผลงานโดดเด่นที่สุดที่ 27.53% ซึ่งสูงกว่าทั้งดัชนีชี้วัด (26.74%) และค่าเฉลี่ยของกลุ่ม (24.32%) ถือเป็นปีที่กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างยอดเยี่ยม
  • ปี 2565 – ตลาดเผชิญแรงกดดันและปรับตัวลง กองทุนติดลบ -11.00% ซึ่งแม้จะเป็นการขาดทุน แต่ยังดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม (-19.18%) และใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด (-9.9%) สะท้อนถึงความสามารถในการป้องกันความเสี่ยงที่เหนือกว่าตลาด
  • ปี 2566 – กองทุนให้ผลตอบแทน 13.65% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม (12.78%) แต่ต่ำกว่าดัชนีชี้วัด (14.67%) เล็กน้อย
  • ปี 2567 – กองทุนทำผลตอบแทน 7.34% ซึ่งเหนือกว่าทั้งดัชนีชี้วัด (7.24%) และค่าเฉลี่ยของกลุ่ม (6.42%)

สรุปภาพรวม ONE-EUROEQ มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยให้ผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม (Peer Avg) สูงถึง 4 ปีจาก 5 ปีที่ผ่านมา (ยกเว้นปี 2563) และทำผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนีชี้วัด (Benchmark) ถึง 3 ปี (2563, 2564 และ 2567) 

โดยเฉพาะในปี 2564 ที่ทำผลตอบแทนสูงถึง 27.53% และปี 2565 ที่ตลาดปรับตัวลง กองทุนยังสามารถจำกัดความเสียหายได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารความเสี่ยง

สรุปจุดเด่นของกองทุน ONE-EUROEQ

  1. กลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรุกโดยผู้เชี่ยวชาญ บริหารโดย ELEVA Capital ที่มีความชำนาญในการคัดเลือกหุ้นยุโรปที่มีศักยภาพเติบโตสูงแต่ยังไม่สะท้อนในราคาปัจจุบัน โดยเน้นหุ้นที่มีโอกาสเติบโตในระยะ 3-5 ปี
  2. ลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยเกณฑ์ ESG คัดเลือกบริษัทที่มีคะแนน ESG สูงและตัดบริษัทที่มีคะแนนต่ำออก 20% พร้อมกับพิจารณาปัจจัยด้านสภาพคล่องและมูลค่าหลักทรัพย์ที่เหมาะสม
  3. โฟกัสใน 4 ธีมการลงทุนที่มีศักยภาพ ได้แก่ บริษัทที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูล บริษัทที่มีโมเดลธุรกิจทันสมัย บริษัทที่มีพื้นฐานดีแต่ยังไม่เป็นที่รู้จัก และบริษัทที่อยู่ในช่วงพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่
  4. ลงทุนในผู้นำนวัตกรรมยุโรป เช่น Novo Nordisk (ยาเบาหวานและลดน้ำหนัก) และ ASML Holding (เทคโนโลยีการผลิตชิปสำหรับ AI) พร้อมกระจายความเสี่ยงในหลายประเทศ หลายอุตสาหกรรม
  5. สภาวะเศรษฐกิจยุโรปที่กำลังฟื้นตัว จึงเหมาะสมที่จะเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการหลีกหนีจากความผันผวนของตลาดหุ้นใหญ่ ๆ อย่างสหรัฐฯ หรือจีน

ONE-EUROEQ เหมาะกับใคร

  1. ผู้ที่ชื่นชอบการลงทุนที่มีวิสัยทัศน์

กองทุน ONE-EUROEQ เหมาะกับผู้ที่มองเห็นโอกาสในธุรกิจที่ยังไม่ถูกค้นพบเต็มที่หรือถูกมองข้ามในตลาด โดยกองทุนนี้เลือกลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว (3 – 5 ปี) แต่ยังไม่สะท้อนในราคาหุ้นปัจจุบัน ทำให้สามารถสร้าง Upside ได้ในอนาคต

  1. ผู้ที่มองหาโอกาสเติบโตแบบมีธีม

กองทุน ONE-EUROEQ เน้นลงทุนในบริษัทที่มีความพิเศษ เช่น เป็นมรดกตกทอดของตระกูล มีโมเดลธุรกิจใหม่ทันสมัย พื้นฐานดีแต่ยังไม่เป็นที่รู้จัก หรือบริษัทอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ การลงทุนใน 4 ธีมนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง แม้บางบริษัทอาจยังไม่เป็นที่รู้จักในตลาด

  1. ผู้ลงทุนที่ให้ความสำคัญกับ ESG

กองทุนนี้ไม่ได้สนใจเพียงแค่โอกาสสร้างผลตอบแทน แต่ยังใส่ใจถึงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคัดเลือกบริษัทที่มีคะแนน ESG สูง และมุ่งมั่นเลือกลงทุนในบริษัทที่มีความยั่งยืน

  1. ผู้ที่มองหาการลงทุนในนวัตกรรมและเทคโนโลยี

กองทุน ONE-EUROEQ กระจายการลงทุนในบริษัทที่อยู่ในวงการนวัตกรรม เช่น เทคโนโลยีการผลิตชิป, เทคโนโลยี AI หรือพลังงานสะอาด โดยเน้นไปที่ผู้นำนวัตกรรมในยุโรป เช่น ASML และ Novo Nordisk

  1. ผู้ที่มองหาทางเลือกหลบภัยจากตลาดผันผวน

กองทุนนี้เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการทางเลือกหลบภัยจากความผันผวน โดยเฉพาะจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยุโรปหนุนโอกาสเติบโต

รายละเอียดอื่น ๆ

  • ความเสี่ยงระดับ 6 (กองทุนรวมตราสารทุน)
  • นโยบายปันผล ไม่จ่าย
  • ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1 บาท
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป 1 บาท
  • ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.5%
  • ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ยกเว้น
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.07% ต่อปี
  • รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1.2910% ต่อปี
  • ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 31/01/2025

ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds


อ้างอิง: ONE-EUROEQ’s Factsheet, ELEVA European Selection’s Factsheet, Financial Times, Finnomena

คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Wealth Health Check