
Executive Summary
ภาพรวมเศรษฐกิจโลก
- ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังขยายตัวต่อไปได้ นำโดยสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ยุโรปอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัว
- ในฝั่งของประเทศจีน อาจเจอแรงกดดันเรื่องสงครามการค้า และปัญหาภายใน เช่น อสังหาริมทรัพย์ ความมั่นใจของผู้บริโภค และความมั่นใจของนักลงทุน
- เงินเฟ้อทั่วโลกยังอยู่ในแนวโน้มขาลง โดยเฉพาะในส่วนของประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายยังเป็นขาลง โดยยุโรปอาจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้แรง และเร็วกว่าสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
- เราปรับมุมมองหุ้นสหรัฐฯ จาก Slightly Overweight เป็น Neutral จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด
- เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับตัวลงในอีก 4-5 เดือนข้างหน้า จึงทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2025 อีก 2 รอบ
- ในส่วนของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนแม้ประกาศออกมาดีกว่าคาด แต่นักวิเคราะห์ได้ปรับประมาณการกำไรลดลงต่อเนื่อง ทำให้ถึงแม้ราคาปรับตัวย่อลงมา Valuation ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับตึงตัว
- เราจึงแนะนำ Neutral พร้อม Selective Buy โดยเน้นไปที่หุ้นเล็ก หรืออุตสาหกรรมที่ยัง Laggard อย่างกองทุน ASP-USSMALL-A
ตลาดหุ้นยุโรป
- เราได้ปรับมุมมองต่อตลาดหุ้นยุโรปจาก Slightly Underweight เป็น Slightly Overweight แนะนำทยอยสะสม ผ่านกองทุน ONE-EUROEQ
- โดยมองว่าเศรษฐกิจยุโรปได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ปัจจัยกดดันสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน ภาวะเงินเฟ้อ และนโยบายภาษีของทรัมป์ ได้ถูกสะท้อนอยู่ในตัวเลขเศรษฐกิจและดัชนีตลาดแล้ว
- ในระยะข้างหน้า ยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากการปฏิรูปกฎระเบียบด้านการกู้ยืม (debt break) ของเยอรมนี ประกอบกับการที่หลายประเทศกลับมามีงบดุลที่แข็งแกร่งมากขึ้น
- อีกทั้งยังได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของ ECB ซึ่งจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังคงทรงตัว ในขณะที่ดัชนีตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ Valuation ของตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นมาอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยรอบ 10 ปี
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
- เรายังคงมุมมองเชิงลบต่อหุ้นญี่ปุ้น โดยปรับคำแนะนำเป็น Underweight จากเดิม Slightly Underweight
- จากการที่เงินเฟ้อประกาศออกมาสูงมากกว่าคาด ทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) มีโอกาสใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นในอนาคต ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯและญี่ปุ่นมีโอกาสแคบลงและเงินเยนแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดหุ้นญุี่ปุ่น
ตลาดหุ้นจีน
- คงมุมมองหุ้นจีนเป็นกลาง Neutral โดยแนะนำเก็งกำไรระยะสั้นผ่านกองทุน MEGA10CHINA-A
- โดยแนวโน้มเศรษฐกิจจีนเติบโตไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับในอดีต ภาคอสังหาฯ ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนสอดคล้องกับความเชื่อมั่นที่ยังต่ำ อย่างไรก็ดี รัฐบาลจีนกลับลำมาสนับสนุนภาคธุรกิจมากขึ้นโดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งช่วยหนุน Sentiment ต่อตลาดหุ้น H-shares ด้านการปรับประมาณการกำไรหุ้นจีน H-shares แข็งแกร่งกว่า A-shares
ตลาดหุ้นอินเดีย
- คงมุมมองหุ้นอินเดียเป็นกลาง Neutral โดยแนะนำถือหรือสัดส่วนกองทุน TISCOINA-A และ B-BHARATA
- โดยการเติบโตของสินเชื่อชะลอตัวลง ซึ่งจะกดดันต่อการเติบโตของหุ้นกลุ่มธนาคารรวมถึงต้องรักษาเสถียรภาพทางระบบการเงินที่อาจทำให้การเติบโตของสินเชื่อทรงตัว
- ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นใน 4Q24 หลังรายงาน GDP ฟื้นตัวตามคาด อย่างไรก็ดี Valuation ของตลาดหุ้นอินเดียกลับมาอยู่ในระดับที่ไม่แพง
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้
- คงมุมมองเป็นกลาง Neutral ต่อหุ้นเกาหลีใต้ โดยแนะนำถือกองทุน SCBKEQTG และ DAOL-KOREAEQ
- ภาคการส่งออกของเกาหลียังขยายตัว นอกจากนี้ มีรายงานระบุว่า Samsung ได้รับการอนุมัติจาก Nvidia ให้จัดหาชิป HBM3E แล้ว ในอนาคตผู้ผลิต Memory Chip จะได้อานิสงส์จากการประมวลผล Large Language Model (โมเดลภาษาขนาดใหญ่) ที่อาจมี Memory Requirement ที่เพิ่มสูงขึ้นไปอีก รวมถึง Samsung ยังเดินหน้าแผนซื้อหุ้นคืนต่อช่วยลด Downside ของราคาหุ้น
ตลาดหุ้นไทย
- คงมุมมองเป็นกลาง Neutral ต่อตลาดหุ้นไทย แนะนำกลยุทธ์แบบ Selective โดยทั้งภาครรัฐบาลและหน่วยงานกำกับพยายามออกมาตรการพยุงตลาดหุ้น อาทิ การย้าย LTF ไป ThaiESG และการปรับปรุงเกณฑ์การซื้อขายหลักทรัพย์
- ขณะที่เครื่องยนต์เศรษฐกิจสำคัญอย่างภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกมีทิศทางฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง ด้านประมาณการกำไรตลาดหุ้นถูกปรับลงต่อเนื่อง Valuation อยู่ในระดับถูกมาก หากเทียบกับหุ้นอาเซียนถือว่าอยู่ในระดับไม่ถูก แต่เริ่มมีสัญญาณจาก market breadth บ่งชี้ถึงการรีบาวด์ระยะสั้น
ตลาดหุ้นเวียดนาม
- คงมุมมองเชิงบวกเล็กน้อย (Slightly Positive) ต่อหุ้นเวียดนาม โดยแนะนำทยอยสะสม ผ่านกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A และ KKP VGF-UI*
- รัฐบาลมีเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวที่ชัดเจน รวมถึงมีแผนดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังมีความท้าทายเรื่องมาตรการกีดกันทางการค้า
- นอกจากนี้ รัฐบาลยังคงสนับสนุนพร้อมเน้นย้ำเป้าหมายการอัพเกรดตลาดหุ้นเป็น Emerging Market ภายในปี 2025 ด้านประมาณการกำไรของตลาดหุ้นยังถูกปรับขึ้น ขณะที่ Valuation ยังอยู่ในระดับถูก
*ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย กองทุนรวมที่เสนอขายผู้ลงทุนสถานบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน
ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ
- ASP-USSMALL
- B-INNOTECH
- TISCOAI
- MEGA10CHINA-A
- TISCOINA-A
- B-BHARATA
- SCBKEQTG
- PRINCIPAL VNEQ-A
- KKP VGF-UI
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท (Definit) สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
สามารถเข้าถึงรายละเอียดกองทุนต่าง ๆ และ Fund Fact Sheet ได้จาก Link บนชื่อกองทุน
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299