การพัฒนาที่ยั่งยืนคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร?
การพัฒนาที่ยั่งยืน คือการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการของคนในยุคปัจจุบัน โดยที่ไม่เบียดเบียนความสามารถในการตอบสนองความต้องการของคนในรุ่นหลัง กล่าวคือ การสร้างสมดุลระหว่างปัจจุบัน และอนาคต โดยที่จะไม่นำทรัพยากรในอนาคตมาใช้จนเกิดความเดือดร้อนกับคนในรุ่นต่อไป
มิติของการพัฒนาที่ยั่งยืน (ESG) สามารถจำแนกได้เป็น 3 มิติ ประกอบด้วย คือ (1) ด้านสิ่งแวดล้อม (environment) โดยแบ่งเป็นความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงของนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม และความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ภัยธรรมชาติต่าง ๆ (2) ด้านสังคม (social) โดยเป็นการจัดการความสัมพันธ์ และการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสีย เช่น พนักงาน ผู้บริหาร และคู่ค้า และ (3) ด้านธรรมาภิบาล (governance) เช่น การกำกับดูแลกิจการที่ดี และการจัดการทรัพยากรของบริษัท ซึ่งปัจจุบันการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นสิ่งที่นักลงทุนให้ความสำคัญมาก และมีปัจจัยนี้มีผลต่อการเลือกลงทุนของนักลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ
แนวโน้มของการนำปัจจัยด้านความยั่งยืน (ESG) มาใช้ในการลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ
นักลงทุนให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดย BBLAM พยายามหาจุดสมดุลระหว่างการสร้างผลตอบแทนที่ดี ในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ที่ประกอบธุรกิจที่มีความยั่งยืนสูง ซึ่งคล้ายกับการลงทุนในแบบดั้งเดิม แต่เพิ่มมิติของความยั่งยืนเข้าไป เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่ดีที่สุด และคงผลตอบแทนนั้นในระยะยาว เช่น การพิจารณาเรื่องแนวทางการประกอบธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาพนักงาน และความสุขของพนักงานในระยะยาว ซึ่งการพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ BBLAM เชื่อว่าการศึกษาในเชิงลึก (active) และการเข้าไปเจาะลึก พบปะผู้บริหารของบริษัทที่มีศักยภาพด้านความยั่งยืนสูง ทำให้ BBLAM สามารถเฟ้นหาบริษัทที่น่าจะสร้างผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว
สิ่งสำคัญที่จะทำให้การทำธุรกิจและความยั่งยืนไปด้วยกันได้ และสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจให้แก่ผู้ลงทุน
การเลือกบริษัทที่ให้ผลตอบแทนดี ทั้งในปัจจุบัน และคาดว่าผลตอบแทนในลักษณะเดียวกันจะคงอยู่ หรือเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตเป็นสิ่งที่ BBLAM ให้ความสำคัญ ซึ่งการเฟ้นหาบริษัทดังกล่าว จำเป็นต้องมองลงไปมากกว่าการวิเคราะห์ผลประกอบการแบบดั้งเดิม ซึ่งการเลือกบริษัทที่มีความยั่งยืนสูงนั้น ต้องใช้ปัจจัยเชิงคุณภาพประกอบด้วย เช่น การประกอบธุรกิจท่องเที่ยวของบริษัทท่องเที่ยวต้องไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะรักษาสภาพแวดล้อมที่บริษัทนั้นใช้เป็นแหล่งที่มาของรายได้ในระยะยาว โดยหากมีการทำลายสิ่งแวดล้อมจากการประกอบธุรกิจ จะทำให้แหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม และเสียรายได้ในระยะยาว แม้ว่ารายได้ในระยะสั้นอาจยังทำได้ตามเป้า
BBLAM เชื่อว่า การเฟ้นหาบริษัทที่สร้างผลตอบแทนได้ดี และมีความยั่งยืนในระยะยาว ต้องวิเคราะห์จากน้ำหนักในมิติ ESG โดยน้ำหนัก E S และ G ที่ให้ในแต่ละบริษัทจะแตกต่างกันไปตามธุรกิจ และแต่ละอุตสาหกรรม เช่น บริษัทเทคโนโลยี BBLAM อาจให้ความสำคัญกับพนักงาน และผู้บริหารสะท้อนจากให้น้ำหนักกับ S มากกว่า E ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประกอบการมากกว่า
กองทุน Thai ESG น่าสนใจอย่างไร?
กองทุน Thai ESG เป็นกองทุนที่เน้นความยั่งยืน ที่ผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้น ซึ่งสามารถลงทุนได้ทั้งตราสารหนี้ และตราสารทุน ในบริษัทที่มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืน
การลงทุนในกองทุน Thai ESG สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ ซึ่ง BBLAM มองว่านอกจากจะสร้างผลตอบแทนได้ดีในระยะยาวแล้ว ภาระทางภาษีที่ลดลงก็ทำให้กองทุน Thai ESG มีความน่าสนใจมากขึ้นด้วย
กองทุนรวมบัวหลวงทศพลไทยเพื่อความยั่งยืน B-TOP-THAIESG
เป็นกองทุน Thai ESG ที่นำข้อมูลทั้งด้านการเงิน และความยั่งยืนมาใช้วิเคราะห์คัดเลือกหลักทรัพย์อย่างเป็นระบบ โดยใช้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่จะลงทุน มาประกอบกับปัจจัยด้านความยั่งยืน ซึ่ง BBLAM มองว่าจะให้ผลตอบแทนในระยะยาวได้ดีกว่าการเลือกจากปัจจัยพื้นฐานเพียงอย่างเดียว ซึ่ง BBLAM จะเข้าไปศึกษาเชิงลึกในบริษัทนั้น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจมีความยั่งยืนอย่างแท้จริง เช่น การประชุมกับตัวแทนบริษัท การติดตามและตรวจสอบกับคณะกรรมการบริษัทถึงแนวคิดการประกอบธุรกิจโดยยึดหลักความยั่งยืนในอนาคต โดย BBLAM มองว่าบริษัทที่ยึดหลักความยั่งยืนควรจะสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เช่น 10-20 ปีขึ้นไป
ที่มา: Presentation กองทุนรวมบัวหลวงทศพลไทยเพื่อความยั่งยืน B-TOP-THAIESG
ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2566
จุดเด่นของ B-TOP-THAIESG คือ BBLAM จะลงทุนในหุ้นที่สร้างผลตอบแทนดี และมีความยั่งยืนที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนรวมสูงสุด 10 อันดับแรก โดยผู้ลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเมื่อลงทุนตามเงื่อนไข โดยได้วงเงินลดหย่อนภาษีในอัตราไม่เกินร้อนละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
ที่มา: Presentation กองทุนรวมบัวหลวงทศพลไทยเพื่อความยั่งยืน B-TOP-THAIESG
ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2566
การจัดสรรกองทุน B-TOP-THAIESG
เนื่องจาก B-TOP-THAIESG เป็นกองทุนที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี BBLAM จึงแนะนำให้นักลงทุนที่ต้องการลดภาระภาษีลงทุนในกองทุนนี้ ซึ่งหากนักลงทุนไม่ได้มีภาระทางภาษีแล้ว การลงทุนในกองทุนทั่วไปที่ไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีอาจเหมาะสมกว่า เช่น กองทุนทศพล (แบบปกติ) กองทุนรวมคนไทยใจดี (BKIND)
นักลงทุนที่เหมาะกับการลงทุนใน B-TOP-THAIESG จึงควรเป็นนักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาระภาษี เชื่อมั่นในการลงทุนในบริษัทไทยที่ให้ผลตอบแทนสูง ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน และต้องการผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว กระจายการลงทุนในหุ้นไทย ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นกองทุนที่ให้สิทธิด้านภาษี และต้องลงทุนระยะยาว เงินที่นำมาใช้ลงทุนจึงควรเป็นเงินเย็น
ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน B-TOP-THAIESG สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://finno.me/firemakerbtoptesg-ws
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน SSF RMF และ Thai ESG กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโดยตรงกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บัวหลวง จำกัด ติดต่อบริการบัวหลวงโฟน โทร. 1333 หรือ 02 645 5555 E-mail: info@bangkokbank.com