
Highlight
- ภาพรวมอุตสาหกรรม “ป้องกันประเทศและความมั่นคง”
- แนวโน้มอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ
- 5 ข้อดีของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
- โอกาสเติบโตในยุคโลกไม่สงบ กับ DAOL-DEFENSE
- สรุปจุดเด่นกองทุน DAOL-DEFENSE
ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปราะบาง หลายอุตสาหกรรมอาจได้รับผลกระทบในเชิงลบ แต่อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เช่น การผลิตอาวุธ เทคโนโลยีความมั่นคง และระบบป้องกันภัยไซเบอร์ กำลังได้รับความสนใจจากรัฐบาลทั่วโลก ซึ่งการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมของหลายประเทศสะท้อนว่าภาคส่วนนี้ยังคงมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง
แม้ว่าความสงบสุขจะเป็นเป้าหมายสูงสุดของโลกใบนี้ แต่ความเป็นจริงการเตรียมพร้อมด้านความมั่นคงก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เทคโนโลยีการป้องกันประเทศจึงเป็นหนึ่งในธีมการลงทุนที่ได้รับความเชื่อมั่นสูงในทศวรรษนี้ เนื่องจากกระแสการลดการพึ่งพาการค้าโลก ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น และการผนวกเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AI ในการปฏิบัติการทางทหาร รวมถึงการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์
ภาพรวมอุตสาหกรรม “ป้องกันประเทศและความมั่นคง”
‘97 ประเทศ’ พบระดับความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงประเทศอย่างยูเครน เอธิโอเปีย เมียนมา อิสราเอล และแอฟริกาใต้
2023 Global Peace Index | Source: Institute for Economics & Peace
Global Peace Index (GPI) คือดัชนีวัดระดับความสงบสุขของประเทศทั่วโลก จัดทำโดย Institute for Economics and Peace (IEP) โดยพิจารณาจาก 23 ตัวชี้วัด ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
- ความปลอดภัยและความมั่นคงในสังคม เช่น อัตราอาชญากรรมและจำนวนผู้ลี้ภัย
- ความขัดแย้งภายในและระหว่างประเทศ เช่น สงครามและความตึงเครียดทางการเมือง
- ระดับของการทหาร เช่น ค่าใช้จ่ายด้านกองทัพและอาวุธนิวเคลียร์
รายงาน Global Peace Index (GPI) 2024 สะท้อนว่าความขัดแย้งทั่วโลกยังดำเนินต่อไป โดยมี 97 ประเทศที่สถานการณ์ความสงบแย่ลง เทียบกับเพียง 65 ประเทศที่ดีขึ้น ส่งผลให้คะแนนเฉลี่ยของโลกลดลง 0.56% แสดงถึงแนวโน้มความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
ข้อสังเกตสำคัญ
- หลายประเทศในยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง และแอฟริกามีระดับความสงบลดลง
- ประเทศที่มีอันดับต่ำสุด เช่น อัฟกานิสถาน ซีเรีย ซูดานใต้ และยูเครน ยังคงเผชิญความขัดแย้งหนัก
- แม้ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อย่างสหรัฐฯ และบางส่วนของยุโรป ก็ดูเหมือนจะมีคะแนนความสงบลดลง
งบประมาณทางทหารเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
Military Spending 2023 | Source: Stockholm International Peace Research Institute
แผนที่นี้แสดง งบประมาณทางทหารของแต่ละประเทศ ปี 2023 โดยไล่เฉดสีตามระดับการใช้จ่าย ยิ่งสีเข้มยิ่งแสดงถึงงบประมาณที่สูง ซึ่งพบว่า สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย และอินเดีย เป็นกลุ่มประเทศที่มีงบกลาโหมในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มนี้สอดคล้องกับ Global Peace Index 2024 ที่บ่งชี้ว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่มั่นคงในหลายภูมิภาคทำให้รัฐบาลต่างเร่งเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในด้าน กองทัพ เทคโนโลยีอาวุธ ความมั่นคงทางไซเบอร์ และโครงสร้างพื้นฐานทางการทหาร
ค่าใช้จ่ายทางทหารทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2002 – 2023
Source: DAOL-DEFENSE’s Registered Fund Capital, 1Global X Estimates, SIPRI (2023)
as of April 2024
ค่าใช้จ่ายทางทหารทั่วโลกในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 1.215 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2002 เป็น 2.443 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2023 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 100%
จุดที่น่าสังเกตคือในช่วง 5 ปีหลัง (2018 – 2023) มีการเร่งตัวของการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ สังเกตได้จากแท่งกราฟที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงปี 2002 – 2016 โดยคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 5.7% ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนหน้าที่เติบโตเฉลี่ยประมาณ 2 – 3% ต่อปี
นอกจากนี้ยังพบว่าแม้ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญความท้าทาย เช่น วิกฤตการเงินปี 2008 หรือการระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 ค่าใช้จ่ายทางทหารกลับไม่ได้ลดลง แต่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่ประเทศต่าง ๆ ยังคงต้องรักษาระดับการลงทุนไว้แม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย
แนวโน้มอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ
ในอดีตการใช้จ่ายทางการทหารมักมุ่งเน้นไปที่การจัดซื้ออุปกรณ์ทางการทหารแบบดั้งเดิมและการจัดหาอาวุธ แต่ในปัจจุบันการจัดสรรงบประมาณเริ่มเปลี่ยนไปสู่การดิจิทัลเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ความมั่นคงไซเบอร์ และการรวมเทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีการป้องกันเพิ่มสูงขึ้น
การเพิ่มขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ทั่วโลก
Source: Check Point Software Technologies, U.S. Global Investors
จากกราฟจะเห็นได้ว่าจำนวนการโจมตีทางไซเบอร์ต่อองค์กรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 700 ครั้งต่อสัปดาห์ในไตรมาส 1 ปี 2021 และขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1,800 ครั้งในไตรมาส 3 ปี 2024 สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่มาพร้อมกับยุคดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องกับการที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (DOD) ได้เพิ่มงบประมาณด้านไซเบอร์ขึ้น 4% จากปีงบประมาณ 2023
งบประมาณกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ด้านความมั่นคงทางไซเบอร์
Source: DAOL-DEFENSE Factsheet
และจากกราฟนี้จะเห็นได้ว่างบประมาณด้านไซเบอร์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (DOD) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 9,836 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2021 เป็น 13,453 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2024 โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักคือ ความมั่นคงทางไซเบอร์ (Cybersecurity) การปฏิบัติการทางไซเบอร์ (Cyberspace Operations) และการวิจัยและพัฒนาด้านไซเบอร์ (Cyber Research & Development)
ที่น่าสนใจคือการเพิ่มขึ้นของงบประมาณด้าน Cyberspace Operations ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก 3,411 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 เป็น 7,374 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 นอกจากนี้ ยังเพิ่มงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาจาก 487 ล้านดอลลาร์เป็น 533 ล้านดอลลาร์อีกด้วย
แนวโน้มนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าการป้องกันประเทศในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์แบบดั้งเดิมอีกต่อไป แต่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์มากขึ้น เพื่อรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
5 ข้อดีของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
- สัญญาระยะยาว
กระทรวงกลาโหมมอบสัญญาระยะยาวหลายปี ซึ่งช่วยสร้างความมั่นคงให้กับบริษัทในอุตสาหกรรมนี้
- ความน่าเชื่อถือสูง
ต่างจากธุรกิจเชิงพาณิชย์ทั่วไป ความสามารถในการชำระเงินของกระทรวงกลาโหมไม่ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจมหภาค
- ทนทานต่อเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรมนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อย เนื่องจากมีสัญญาระยะยาวจากกระทรวงกลาโหม
- บรรเทาผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ
สัญญากระทรวงกลาโหมมีข้อกำหนดปรับเพิ่มราคาที่ช่วยให้บริษัทสามารถส่งต่อภาระต้นทุนจากอัตราเงินเฟ้อได้
- รายได้ที่หลากหลาย
บริษัทในอุตสาหกรรมนี้สามารถกระจายรายได้จากหลายหน่วยงาน ไม่เพียงแค่จากภาครัฐ แต่ยังรวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
โอกาสเติบโตในยุคโลกไม่สงบ กับ DAOL-DEFENSE
กองทุนเปิด ดาโอ ดีเฟนส์ หรือ DAOL-DEFENSE มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและความมั่นคง ซึ่งเป็นส่วนประกอบของดัชนี MarketVector™ Global Defense Industry Index (ดัชนีอ้างอิง) ผ่านกองทุนหลัก VanEck Defense UCITS ETF โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิง (Passive Management)
โดยหุ้นที่ได้รับคัดเลือกเข้าดัชนี MarketVector™ Global Defense Industry Index จะต้องมีรายได้จากอุตสาหกรรมทางทหารหรือการป้องกันประเทศ (รวมถึงหน่วยงานของรัฐบาลหรือหน่วยงานระดับชาติ/รัฐบาลกลางที่เกี่ยวข้อง) อย่างน้อย 50% (หรือ 25% สำหรับหุ้นที่มีอยู่ในปัจจุบัน)
นอกจากนี้ หลักทรัพย์ที่อยู่ในดัชนีจะต้องมาจากตลาดพัฒนาต่าง ๆ รวมถึงเกาหลีใต้และไต้หวัน มีมูลค่าหุ้นเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วง 3 เดือนมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ และปริมาณการซื้อขายขั้นต่ำ 250,000 หุ้นต่อเดือนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
ผลการดำเนินงานในอดีต
Source: BOfA Global Research, Bloomberg
*คำเตือน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
การเปลี่ยนแปลงสู่โลกที่มีหลายขั้วอำนาจได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อบริษัทกลาโหม เมื่อรัฐบาลให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชาติ และปรับปรุงความสามารถทางทหาร หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศจึงมีโอกาสได้รับประโยชน์จากสัญญาระยะยาวและความต้องการที่ต่อเนื่อง สะท้อนผ่านผลตอบแทนในอดีตที่โดดเด่น
โดยข้อมูลตั้งแต่ปี 1989 แสดงให้เห็นว่ากลุ่มอากาศยานและการป้องกันประเทศสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 12.2% ต่อปี แซงหน้าทั้งดัชนี S&P 500 ที่ 10.8% และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ 7.9% โดยความแตกต่างนี้ยิ่งเด่นชัดขึ้นหลังปี 2015 ซึ่งเป็นช่วงที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น
ความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจนี้ยังสะท้อนผ่านความสามารถในการรับมือกับวิกฤต แม้ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงอย่างรุนแรง กลุ่มอากาศยานและการป้องกันประเทศก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว สะท้อนถึงธรรมชาติของธุรกิจที่พึ่งพาสัญญาระยะยาวจากภาครัฐและความต้องการที่ไม่ผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจมากนัก
Source: FactSet, Goldman Sachs Global Investment Research
*คำเตือน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
เมื่อพิจารณาข้อมูลตั้งแต่ปลายปี 2022 จนถึงปลายปี 2024 พบว่าหุ้นในกลุ่มกลาโหมของตลาดเกิดใหม่ (EM Defense Stocks) มีผลการดำเนินงานในอดีตที่โดดเด่น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับดัชนีอ้างอิงท้องถิ่น MSCI ในแต่ละภูมิภาค ซึ่งความน่าสนใจอยู่ที่แนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งและต่อเนื่อง สะท้อนผ่านกราฟที่ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับ 100 จุดในช่วงปลายปี 2022 สู่ระดับเกือบ 200 จุดในช่วงปลายปี 2024
ด้วยความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงสูงทั่วโลก จึงคาดว่าการลงทุนในอุตสาหกรรมกลาโหมจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากรัฐบาลทั่วโลกยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในด้านนี้เพื่อเสริมความมั่นคง การลงทุนในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศจึงช่วยป้องกันความเสี่ยงจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนได้
Top 10 Holdings ของกองทุนหลัก
Source: VanEck Defense UCITS ETF Fact Sheet as of 31/01/25
- Palantir Technologies Inc (PLTR) – 8.84% บริษัทด้านซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) ที่ให้บริการแก่หน่วยงานรัฐบาลและองค์กรธุรกิจ
- Thales SA (THLEF) – 8.67% บริษัทฝรั่งเศสที่ดำเนินธุรกิจด้านการบินและอวกาศ การป้องกันประเทศ และเทคโนโลยีความปลอดภัย
- Leonardo S.p.A (FINMF) – 7.61% บริษัทอิตาลีที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศ อากาศยาน และความปลอดภัยทางไซเบอร์
- Booz Allen Hamilton Holding Corp (BAH) – 7.43% บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและกลยุทธ์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมกลาโหมและข่าวกรอง
- Leidos Holdings Inc (LDOS) – 7.19% บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศและการป้องกันประเทศที่ให้บริการด้าน AI ระบบเฝ้าระวัง และโซลูชันความปลอดภัย
- Curtiss-Wright Corp (CW) – 6.30% บริษัทอุตสาหกรรมที่ผลิตชิ้นส่วนอากาศยานและระบบควบคุมที่ใช้ในภาคการป้องกันประเทศและพลังงาน
- BWX Technologies Inc (BWXT) – 4.94% บริษัทพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์สำหรับกองทัพเรือสหรัฐฯ และเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์
- Elbit Systems Ltd (ESLT) – 4.50% บริษัทอิสราเอลที่ผลิตอุปกรณ์ทางทหาร เช่น ระบบอาวุธ ไร้คนขับ และเทคโนโลยีเฝ้าระวัง
- Hanwha Aerospace Co Ltd (HNWAF) – 4.35% บริษัทเกาหลีใต้ที่พัฒนาเทคโนโลยีการบิน อาวุธ และระบบอวกาศ
- CACI International Inc (CACI) – 3.88% บริษัทให้บริการโซลูชันด้านข่าวกรองและการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แก่รัฐบาลสหรัฐฯ
รายละเอียดอื่น ๆ
- ความเสี่ยงระดับ 7 (กองทุนรวมตามหมวดอุตสาหกรรม)
- นโยบายปันผล ไม่จ่าย
- ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 500 บาท
- ลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป 1 บาท
- ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.605% ต่อปี
- ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ยกเว้น
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.07% ต่อปี
- ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 31/12/2024
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
สรุปจุดเด่นกองทุน DAOL-DEFENSE
- อุตสาหกรรมมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
อุตสาหกรรมป้องกันประเทศได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นและงบประมาณด้านกลาโหมที่เติบโตต่อเนื่องทั่วโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตระยะยาวของกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
- หุ้นในพอร์ตมีความสัมพันธ์ต่ำกับตลาดหุ้นทั่วไป
หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศมักไม่ได้รับผลกระทบจากวัฏจักรเศรษฐกิจมากนัก นอกจากนี้ยังสามารถปรับราคาตามอัตราเงินเฟ้อได้ ทำให้สามารถช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน
- หุ้นในพอร์ตมีสัญญาระยะยาวกับภาครัฐ
บริษัทในอุตสาหกรรมนี้มักมีสัญญาระยะยาวกับรัฐบาล ซึ่งช่วยลดความผันผวนของรายได้ และได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่าภาคธุรกิจทั่วไป
- ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Vaneck Defense UCITS ETF (DFNS)
DAOL-DEFENSE ลงทุนผ่านกองทุนหลัก VanEck Defense UCITS ETF บริหารโดย VanEck Vectors ซึ่งเป็นบริษัทจัดการการลงทุน ETF ที่โดดเด่น เน้นหุ้นในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศทั่วโลก โดยอ้างอิงดัชนี MarketVector™ Global Defense Industry Index ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มองหาโอกาสเติบโตจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
หลายประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป มีแนวโน้มเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
- ผู้ที่สามารถลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว
โดยคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวจากการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและความมั่นคง
- ผู้ที่ต้องการการลงทุนที่สามารถปรับราคาตามอัตราเงินเฟ้อได้
สัญญากับกระทรวงกลาโหมในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ มักมีข้อกำหนดในการปรับราคาสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งช่วยให้บริษัทในกลุ่มนี้สามารถส่งต่อภาระต้นทุนไปยังลูกค้าได้
อ้างอิง: DAOL-DEFENSE Fund Fact Sheet, VanEck Defense UCITS ETF Fact Sheet, Our World in Data
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศและความมั่นคง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299