ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงต่อ หลังพุ่งขึ้นสูงสุดตั้งแต่ปี 2008 วานนี้

เมื่อคืนวันที่ 11 เมษายน 2025 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) และ ดัชนี NASDAQ 100 ปรับตัวลงแรงกว่า -3.46% และ -4.19% ตามลำดับ หลังจากเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2025 ตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ปรับตัวขึ้นแรงกว่า ขึ้นแรงกว่า 9.51% และ 12.02% ตามลำดับ การปรับตัวลงในวันนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสาน โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น (TOPIX) ปรับตัวลง -3.73% และตลาดหุ้นเกาหลี (KOSPI) -0.85% ด้านตลาดหุ้นเวียดนาม (VN Index) ปรับตัวขึ้น +2.39% และดัชนี HSCEI หรือ หุ้นจีน H-Shares +1.01%

ความผันผวนในตลาดวันนี้เกิดขึ้นหลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศ “ลด” อัตราภาษีนำเข้าลงมาอยู่ที่ระดับ 10% และ “เลื่อน” กำหนดการขึ้นภาษีตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ออกไปเป็นระยะเวลา 90 วัน โดยมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ ยกเว้นแคนาดา เม็กซิโก และจีน โดยคงอัตราภาษีนำเข้าสำหรับแคนาดาและเม็กซิโกไว้ที่ 25% และเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจากจีนขึ้นเป็น 145%
การประกาศเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจากจีน เป็นผลต่อเนื่องมาจากการตอบโต้ด้านภาษีของจีน โดยหลังจากที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า และสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่านานาประเทศไม่ควรตอบโต้มาตรการดังกล่าว แต่รัฐบาลจีนกลับประกาศขึ้นอัตราภาษีตอบโต้กับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีก 50% จาก 34% สู่ระดับ 84% ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.เป็นต้นไป

ในยุโรป ได้มีการระงับแผนการเก็บภาษีตอบโต้ต่อสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน ในขณะที่ประเทศในเอเชียอื่น ๆ เริ่มเข้าสู่กระบวนการเจรจาทางการค้า โดยล่าสุด เวียดนามได้มีการหารือร่วมกับนายสก็อตต์ เบสเซนต์ เพื่อหาแนวทางความร่วมมือด้านการค้าเพิ่มเติม ขณะที่เกาหลีกำลังพิจารณานำเข้า LNG พร้อมส่งทีมเจรจาไปยังสหรัฐฯ ในขณะที่จีนก็มีการตอบโต้ในรูปแบบอื่น โดยล่าสุดได้ประกาศจำกัดจำนวนภาพยนตร์จากสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้เข้าฉายในประเทศ

Finnomena Funds มองว่าการประกาศเลื่อนการขึ้นภาษี 90 วัน เป็นไปในทิศทางที่เราคาดไว้ในรายงานฉบับก่อนว่า การขึ้นภาษีของทรัมป์มีเป้าหมายเพื่อการ “เจรจา (make deal)” มากกว่าการจะต้องการเก็บภาษีในระดับสูงสุดตามที่เคยประกาศไว้ในวันที่ 2 เมษายน เราเริ่มเห็นแรงต้านจากสังคมในสาธารณะต่อนโยบายการค้าของทรัมป์ ทั้งจากคะแนนนิยมของทรัมป์ที่ตกต่ำลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง จนไปถึงความขัดแย้งที่เริ่มเกิดขึ้นภายในระหว่างผู้สนับสนุนและทีมงานของทรัมป์เอง

อย่างไรก็ตามแม้สหรัฐฯ กับจีนยังคงระดับภาษีตอบโต้ในระดับสูง ซึ่งไม่ยั่งยืนและจะสร้างอันตรายทางเศรษฐกิจกับทุกฝ่าย เราเชื่อว่าสุดท้ายแล้วทั้งสองฝ่ายจะนำไปสู่การเจรจา เช่นเดียวกับทิศทางที่มีการเลื่อนการขึ้นภาษีกับประเทศอื่น ๆ

เราจึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “เข้าลงทุน” ในสินทรัพย์เสี่ยงได้ หลังจากที่เราแนะนำ Wait and See เพื่อเตรียมลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2025

จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Wealth Health Check