เช้าวันนี้ (2 สิงหาคม 2024) ตลาดหุ้นญี่ปุ่น (TOPIX) และ ดัชนี Nikkei 225 ปรับตัวลงราว 5% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันติด หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.25% จาก 0.0% – 0.1% พร้อมลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลลง 4 แสนล้านเยน (ราว 2.86 พันล้านดอลลาร์) ต่อไตรมาส เพื่อให้การซื้อพันธบัตรรายเดือนลงสู่ระดับ 3 ล้านล้านเยน (1.96 หมื่นล้านดอลลาร์) ภายในเดือนมกราคม – มีนาคมปี 2026 ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่า BoJ จะใช้นโยบายเข้มงวดมากขึ้น และทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่าทะลุต่ำกว่า 150 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500) ที่ปรับตัวลดลงกว่า 1.37% หลังจากมีการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (ISM) ที่หดตัวลงจากระดับ 48.5 ในเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 46.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ประกอบกับกระทรวงแรงงานสหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 249,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2023 ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) พร้อมทั้งยังมีแรงเทขายจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น AMD และ Nvidia ที่ปรับตัวลงกว่า 8.6% และ 6.67%
Finnomena Funds มองว่าการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้เป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญของ BoJ และความพยายามในการรักษาเสถียรภาพค่าเงิน รวมทั้งความกังวลต่อค่าเงินเยนที่อ่อนค่าอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา จะกดดันให้ BoJ ต้องพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต ทั้งนี้ Finnomena Funds ยังคงแนะนำลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น
จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
