หุ้นจีนพุ่งต่อวันที่สอง

วันนี้ (6 มีนาคม 2025) ดัชนี HSCEI (หุ้นจีน H-Share) ปรับตัวขึ้นกว่า 2% และดัชนี Hang Seng Tech ปรับตัวขึ้นราว 4% นำโดยหุ้น Alibaba +7.08%, Tencent +5.34%, SMIC +4.82%, และ Meituan +4.49%

เมื่อวานนี้ (5 มีนาคม 2025) ทางการจีนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้าน โดยขยายเพดานขาดดุลงบประมาณเป็น 4% ของ GDP หรือประมาณ 5.66 ล้านล้านหยวน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี พร้อมออกพันธบัตรระยะยาวพิเศษมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านหยวน โดยจัดสรร 300,000 ล้านหยวน เพื่อสนับสนุนโครงการกระตุ้นการบริโภคของประชาชน ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความจริงจังของรัฐบาลจีนในการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะที่เงินที่เหลือจากพันธบัตรดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

นอกจากนี้รัฐบาลยังเตรียมออก พันธบัตรพิเศษเพิ่มเติมอีก 500,000 ล้านหยวน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมเสถียรภาพของภาคการเงิน ในการประชุมครั้งนี้ นาย หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีของจีนได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริโภคเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่ารัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ พร้อมทั้งยังได้ลดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อลงมาอยู่ที่ระดับ 2% ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี หลังจากที่เคยใช้กรอบ 3% มาอย่างยาวนาน

อีกทั้งเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2025 ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้จัดประชุมร่วมกับผู้นำภาคเอกชนชั้นนำของจีน โดยเฉพาะผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยี เช่น แจ๊ก หม่า (Alibaba), เหลียง เหวินเฟิง (Deepseek) และเหลย จุน (Xiaomi) การประชุมดังกล่าวส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจีนอาจมีท่าทีสนับสนุนภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากช่วงปี 2020 ที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เคยดำเนินนโยบายเข้มงวดต่อภาคอินเทอร์เน็ตและภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดแนวทางการปรับนโยบายภาคเอกชน

Finnomena Funds มองว่า จากการประชุมในครั้งนี้สะท้อนว่ารัฐบาลจีนยังคงมุ่งมั่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูความเชื่อมั่น โดยเรามองว่าเป็นโอกาสลงทุนในระยะสั้น ตามคำแนะนำ FundTalk Contrarian ซึ่งแนะนำการลงทุนระยะสั้นในกองทุน MEGA10CHINA-A ที่เน้นลงทุนใน 10 หุ้นจีนขนาดใหญ่ H-Share

อย่างไรก็ดี ในระยะยาวยังมีความไม่แน่นอน แม้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มเห็นปริมาณธุรกรรมที่ฟื้นตัวบ้าง แต่ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นจีนในระยะยาว ประกอบกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่อาจเพิ่มขึ้น ขณะที่มูลค่าตลาดหุ้นจีน (Valuation) ในปัจจุบันยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ

จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Wealth Health Check