แอบมองโอกาสในหุ้นอังกฤษ ท่ามกลางพายุดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่ถั่งโถม

ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และความผันผวนของตลาดหุ้น ที่กดดันทำให้ตลาดหุ้นในประเทศต่าง ๆ ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญนั้น เราเชื่อว่าตลาดหุ้นอังกฤษน่าจะยังให้ผลตอบแทนที่น่าพอในระยะต่อไป จากการจ้างงานที่แข็งแกร่ง และองค์ประกอบของหุ้นในตลาดหุ้นอังกฤษ โดยมีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้

1. การขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจทำให้หุ้นวัฏจักร (cyclical stocks) และหุ้นเติบโต (growth stocks) ปรับตัวลง โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางอังกฤษทำให้นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะขึ้นดอกเบี้ยเร็ว และแรงเกินไป ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว

ด้วยเหตุนี้ หุ้นกลุ่มวัฏจักร เช่น ค้าปลีก ท่องเที่ยว สันทนาการ และอุตสาหกรรม จึงถูกกดดัน จากการคาดการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนั้น การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเป็นผลให้การประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นเติบโตถูกกดดันจากการคิดลด (discount rates) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯ (NASDAQ) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี สัดส่วนหุ้นวัฏจักร และหุ้นเติบโตมีไม่มากนักในตลาดหุ้นอังกฤษ ซึ่งน่าจะลดความกดดันในส่วนนี้ลงได้บ้าง

แอบมองโอกาสในหุ้นอังกฤษ ท่ามกลางพายุดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่ถั่งโถม

แอบมองโอกาสในหุ้นอังกฤษ ท่ามกลางพายุดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่ถั่งโถม

Figure 1 กราฟแสดงแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษ โดยในช่วงหลัง ๆ
ตลาดคาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ

  1.  ราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวขึ้น กอปรกับรายได้สุทธิของครัวเรือนที่ลดลง ทำให้เกิดปัญหาค่าครองชีพ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (Office for National Statistics: ONS) คาดการณ์ว่ารายได้สุทธิที่แท้จริงของครัวเรือนจะปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2022 จากราคาพลังงาน ราคาประกัน และอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี คาดว่าเงินเก็บจำนวนมากจากช่วง COVID-19 ภาระสินเชื่อบ้านที่ต่ำเมื่อเทียบกับรายได้สุทธิ และการจ้างงานที่แข็งแกร่งจะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอังกฤษได้ โดยเราประมาณการว่าครัวเรือนมีเงินเก็บมากขึ้นกว่า 250,000 ล้านปอนด์ จากเงินอัดฉีดและเงินเยียวยาในช่วง COVID-19 โดยการล็อกดาวน์และการหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น ลดการรับประทานอาหารนอกบ้าน และการท่องเที่ยว ทำให้เงินจำนวนนี้ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้ ซึ่งเรามองว่าท้ายที่สุดแล้วน่าจะต้องเข้ามาในระบบเศรษฐกิจในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และจะช่วยประคับประคองให้เศรษฐกิจยังสามารถเติบโตต่อได้

นอกจากนี้ เราพบว่าภาระสินเชื่อบ้านเมื่อเทียบกับรายได้สุทธิในช่วงที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าในช่วงอื่นๆ ซึ่งเราคิดว่าแนวโน้มดังกล่าวน่าจะคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านมักจะถูกกำหนดไว้คงที่ในช่วง 2-5 ปีแรก ทำให้สินเชื่อบ้านจะยังไม่กดดันค่าครองชีพของประชาชนอังกฤษมากนัก ในช่วงระยะสั้น

ตลอดจน ภาวะการจ้างงานที่แข็งแกร่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจอังกฤษได้ โดยระดับการว่างงานในอังกฤษถือว่าปรับตัวต่ำที่สุด มีตำแหน่งงานว่างเป็นจำนวนมาก ทำให้มีแรงผลักดันให้แรงงานสามารถเรียกร้องค่าแรงเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เราเชื่อว่า แม้ในอนาคตค่าครองชีพจะปรับสูงขึ้น แต่รายได้ของประชาชนอังกฤษน่าจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน และช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้

แอบมองโอกาสในหุ้นอังกฤษ ท่ามกลางพายุดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่ถั่งโถม

Figure 2 กราฟแสดงการคาดการณ์ว่าในปี 2022-2023 รายได้สุทธิของครัวเรือนจะปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

มุมมองของการลงทุนในตลาดหุ้นอังกฤษ

เราเชื่อว่าเศรษฐกิจอังกฤษยังเติบโตต่อได้ดี แม้ว่าอาจจะมีความไม่แน่นอนจากเงินเฟ้อ และการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอยู่บ้าง ทั้งนี้ ในปี 2022 สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษประเมินว่าเศรษฐกิจอังกฤษน่าจะขยายตัวประมาณ 3.8% โดยอาจจะอ่อนตัวลงบ้างในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้เรามีมุมมองต่อหุ้นอังกฤษ ดังนี้

แอบมองโอกาสในหุ้นอังกฤษ ท่ามกลางพายุดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่ถั่งโถม

Figure 3 เศรษฐกิจอังกฤษคาดว่าจะเติบโตได้ดีในระยะถัดไป แม้ว่าจะต้องเผชิญกับเงินเฟ้อ และการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย

1. ดัชนี FTSE 100 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ของอังกฤษถือว่าสร้างผลตอบแทนได้ดี ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 โดยได้อานิสงส์จากหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมัน และสินแร่อุตสาหกรรม) เวชภัณฑ์ สาธารณูปโภค และสินค้าจำเป็น ที่เป็นหุ้นเชิงรับ ซึ่งมักจะทำผลงานได้ดีในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ดัชนี FTSE 100 ยังประกอบด้วยหุ้นเติบโตเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ทำให้ได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อ และการประเมินมูลค่าจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ในระดับที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ

2. มูลค่าของหุ้นในตลาดหุ้นอังกฤษยังถือว่าต่ำ เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา และเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นประเทศอื่น ๆ นอกจากนั้น ตลาดหุ้นอังกฤษไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาก ในช่วง COVID-19 จึงทำให้ปรับตัวลงน้อยเช่นกัน (normalization) เมื่อ COVID-19 ผ่านพ้นไป

นอกจากนั้น การอ่อนค่าลงของเงินปอนด์ทำให้สินค้าและบริการของบริษัทอังกฤษน่าสนใจมากขึ้น โดยบริษัทส่วนใหญ่ในอังกฤษมีแหล่งรายได้ที่สำคัญจากต่างประเทศ เมื่อแปลงสกุลเงินกลับเป็นเงินปอนด์ทำให้รับรู้รายรับ และกำไรสุทธิมากขึ้น

3. เราจึงมีมุมมองโดยรวมเป็นบวกในการลงทุนในตลาดหุ้นอังกฤษ ซึ่งเราเชื่อว่าหุ้นขนาดใหญ่น่าจะสร้างผลตอบแทนได้ดี

ข้อสงวนสิทธิ์

  1. แฟรงคลิน เทมเพิลตัน (“Franklin Templeton”) ให้บริการการให้คำแนะนำทั่วไปแก่ FINNOMENA ในการออกแบบพอร์ตการลงทุน (Asset Allocations)
  2. แฟรงคลิน เทมเพิลตัน (“Franklin Templeton”) ไม่รับผิดใด ๆ ต่อบุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ บริการ เว็บไซต์ หรือเนื้อหาใด ๆ ที่ได้จัดทำหรือปรากฏในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอกนั้น อีกทั้ง Franklin Templeton ไม่ได้ให้คำรับรอง รับประกัน หรือเป็นตัวแทน ไม่ว่าจะโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายในเนื้อหาหรือความถูกต้องของข้อมูลในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอก และไม่รับผิดต่อสิ่งใด ๆ ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากสิ่งที่กล่าวไว้ข้างต้น
  3. ในกรณีที่มีความแตกต่างกันระหว่างเอกสารภาษาอังกฤษกับการแปลเป็นภาษาไทย ให้ยึดถือตามเอกสารภาษาอังกฤษ

แหล่งข้อมูล

https://www.franklintempleton.com/articles/blogs/peering-around-the-yield-curve