สรุปนโยบายปฏิรูปจีนพร้อมผลกระทบ รุ่งหรือร่วง?

ตั้งแต่ปลายปี 2020 จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลจีนได้ทยอยออกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ หลายชุด อาทิ กฎหมายต่อต้านการผูกขาด กฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เจาะจงควบคุมบางอุตสาหกรรม กฎเกณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้น และทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่ารัฐบาลจีนจะเข้ามาแทรกแซงการประกอบธุรกิจอีกหรือไม่ และจะกระทบต่อผลตอบแทนและการเติบโตของอุตสาหกรรมดังกล่าวในระยะยาวอย่างไร

สรุปนโยบายปฏิรูปจีนพร้อมผลกระทบ รุ่งหรือร่วง?

จุดประสงค์ของบทความนี้ต้องการแสดงให้เห็นว่า แม้การลงทุนในตลาดหุ้นจีนจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ เรายังเห็นโอกาสในการเลือกลงทุน (selective) ในบางอุตสาหกรรมที่ตอบโจทย์ด้านยุทธศาสตร์เป้าหมายของจีน โดยเรามองว่าจีนต้องการสร้างความสมดุลระหว่าง 3 เสาหลัก ได้แก่ (1) ความยั่งยืน (2) ความเท่าเทียมกันในสังคม และ (3) ความมั่นคงของประเทศ ทำให้เราเชื่อว่าการลงทุนในบริษัทที่มีนโยบายการประกอบธุรกิจที่สอดคล้องกับหลักการเหล่านี้ น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต โดยมีรายละเอียดของแต่ละนโยบาย เกณฑ์การกำกับดูแล และผลที่คาดว่าจะได้รับ ดังนี้

1. นโยบายด้านความยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การจำกัดอิทธิพลของระบบทุนนิยมที่ไม่มีการควบคุม ตลอดจนการส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อม ภายใต้อุตสาหกรรมสีเขียว (decarbonization) สรุปได้ดังนี้

สรุปนโยบายปฏิรูปจีนพร้อมผลกระทบ รุ่งหรือร่วง?

สรุปนโยบายปฏิรูปจีนพร้อมผลกระทบ รุ่งหรือร่วง?

 

 

2. นโยบายรุ่งเรืองร่วมกัน (Common Prosperity) ตอบโจทย์ด้านความเท่าเทียมกันในสังคม โดยจีนต้องการขจัดความเหลื่อมล้ำในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการศึกษา สาธารณสุข อสังหาริมทรัพย์ ประกัน และสวัสดิการทางสังคม สรุปได้ดังนี้

สรุปนโยบายปฏิรูปจีนพร้อมผลกระทบ รุ่งหรือร่วง?

 

3. นโยบายด้านความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีด้วยตนเอง โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เป็นยุทธศาสตร์ และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ตลอดจนการปรับปรุงโครงสร้างของประชากรที่จีนต้องการเพิ่มประชากรวัยหนุ่มสาว และการสร้างค่านิยมที่เหมาะสมกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์จีน ซึ่งรวมถึงประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับฮ่องกง ไต้หวัน และมณฑลซินเจียง สรุปได้ดังนี้

สรุปนโยบายปฏิรูปจีนพร้อมผลกระทบ รุ่งหรือร่วง?

 

มุมมองต่อการลงทุนในจีน

จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่าการเข้ามาจัดระเบียบการกำกับดูแลในครั้งนี้ของจีนกระทบกับประชาชน และอุตสาหกรรมในวงกว้าง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ กอปรกับความวิตกกังวลของการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจาก COVID-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง จะกลับมากดดันราคาหุ้นในระยะสั้น แต่เราเชื่อว่ารัฐบาลจีนยังคงสนับสนุนการเติบโตของนวัตกรรม และอุตสาหกรรมภายในประเทศ ปัจจัยกดดันต่าง ๆ จะเป็นปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น โดยเราเห็นว่าการเข้ามากำกับดูแลของรัฐบาลจีนในครั้งนี้ค่อนข้างจะเฉพาะเจาะจง และจากกรณีศึกษาในอดีต รัฐบาลจีนจะเข้ามาแทรกแซงเป็นระยะ ๆ เพื่อจัดระเบียบอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาสร้างความผันผวนในระยะสั้นเท่านั้น และไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในระยะยาว

ทั้งนี้ การเข้ามาแทรกแซงของรัฐบาลจีนถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งของการลงทุนในจีน และสิ่งที่นักลงทุนควรปฏิบัติคือ การศึกษาให้รอบคอบว่านโยบายต่าง ๆ ของจีนมีผลต่อบริษัทต่าง ๆ อย่างไร ซึ่งมักจะมีกลุ่มบริษัทที่ได้ประโยชน์ หรือได้รับผลกระทบน้อยจากการจัดระเบียบดังกล่าวอยู่เสมอ โดยเราแนะนำให้นักลงทุนเลือกบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจีน ทั้งการสร้างความรุ่งเรืองร่วมกัน การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การสร้างความมั่นคง และการลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเราเห็นว่าน่าจะเป็นธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนได้ดีในระยะถัดไป

เนื้อหาต้นฉบับโดย 

Franklin Templeton Emerging Markets Equity

ข้อสงวนสิทธิ์

  1. แฟรงคลิน เทมเพิลตัน (“Franklin Templeton”) ให้บริการการให้คำแนะนำทั่วไปแก่ FINNOMENA ในการออกแบบพอร์ตการลงทุน (Asset Allocations)
  2. แฟรงคลิน เทมเพิลตัน (“Franklin Templeton”) ไม่รับผิดใด ๆ ต่อบุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ บริการ เว็บไซต์ หรือเนื้อหาใด ๆ ที่ได้จัดทำหรือปรากฏในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอกนั้น อีกทั้ง Franklin Templeton ไม่ได้ให้คำรับรอง รับประกัน หรือเป็นตัวแทน ไม่ว่าจะโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายในเนื้อหาหรือความถูกต้องของข้อมูลในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอก และไม่รับผิดต่อสิ่งใด ๆ ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากสิ่งที่กล่าวไว้ข้างต้น
  3. ในกรณีที่มีความแตกต่างกันระหว่างเอกสารภาษาอังกฤษกับการแปลเป็นภาษาไทย ให้ยึดถือตามเอกสารภาษาอังกฤษ

แหล่งข้อมูล

https://www.franklintempleton.com/articles/blogs/emerging-markets/chinas-regulatory-tightening-our-view-on-goals-and-scope