ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ธนาคารกลางและรัฐบาลจากหลาย ๆ ประเทศต้องเผชิญในตอนนี้ จากการเมืองและเศรษฐกิจ เรามาดูกันว่าคู่มือการลงทุนสำหรับปี 2021 นี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร?
มีแนวโน้มว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทั้งการเงินและการคลังอาจมีมาอย่างต่อเนื่อง 2021 แต่ถึงอย่างนั้นอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจยังเป็นที่น่ากังขา จากความไม่แน่นอนของการพัฒนาวัคซีน
ดังนั้นเรื่อง “วัคซีน” จะเป็นกุญแจสำคัญในการออกมาตรการอัดฉีดเพิ่มเติม
นอกจากนั้นอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำนี้อาจจะยังคงอยู่ต่อไปในปี 2021 แต่สิ่งที่ยากจะคาดเดาก็คือมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมของทั้งจากทางรัฐและธนาคารกลาง
หากจะยกตัวอย่างขึ้นมาสักเหตุการณ์หนึ่งคงเป็นเหตุการณ์ช่วยเหลือเหล่า “Fallen Angels” หรือบริษัทนางฟ้าตกสวรรค์ที่ก่อนหน้ามีความน่าเชื่อถืออันยอดเยี่ยมในระดับ “เกรดลงทุน” ได้ถูก downgrade ลดหลั่นลงมาเป็น “เกรดเก็งกำไร” ได้รับการอัดฉีดสนับสนุนช่วยพยุงไม่ให้เกิดการล้มเป็นโดมิโน ซึ่งไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น และเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาว่าการสนับสนุนนี้จะยังคงอยู่ไปอีกนานเท่าใด
สิ่งที่ต้องน่าจับตามองอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของ “ปริมาณ” ของมาตรการอัดฉีดที่หากไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้เกิดผลกระทบเป็นโดมิโนขึ้นมาได้ (บริษัทล้มละลายจนผู้คนแห่นำเงินลงทุนออกจากบริษัทต่าง ๆ ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ปรับตัวลง)
ความไม่แน่นอนทั้งหมดทั้งมวลที่ว่าอาจทำให้ความรวดเร็วในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามเรามองว่านี่อาจเป็นช่วงเวลาสำหรับการลงทุนอย่างระมัดระวัง เพื่อคว้าโอกาสสุดพิเศษในช่วงนี้จากตลาดการเงินทั่วโลก
ในส่วนของความคาดหวังเงินเฟ้อนั้นอาจยังถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจและอัตราการว่างงานที่สูง ดังนั้นมาตรการอัดฉีดที่ออกมาอาจทำให้เงินเฟ้อในอนาคตอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตามธนาคารกลางอาจมีความกังวลเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคที่สูงขึ้น (สังเกตุได้จากดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่เริ่มฟื้นตัว) อีกทั้งยังมีแรงหนุนเงินเฟ้อจากมาตรการกระตุ้นที่ออกมา ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อโดยเฉพาะในสหรัฐฯ มาไวกว่าที่เราคาดคิด จากการที่อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอยู่ในระดับต่ำ ถึงแม้จะปรับตัวขึ้นมาบ้างในช่วงที่ผ่านมา
ถึงอย่างนั้นเรายังคงมีมุมมองว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะอยู่ในระดับต่ำต่อไปในปี 2021 นี้
ที่มา: มุมมองการจัดสินทรัพย์ A brighter year ahead
ในช่วงที่ผ่านมาคงไม่มีใครปฏิเสธว่าหุ้นเทคโนโลยีโดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม FAANG เป็นหุ้นที่แข็งแกร่งและปรับตัวได้อย่างโดดเด่น อย่างไรก็ตามในช่วงเดือน ตุลาคม และ เดือน พฤศจิกายน ปีที่แล้ว ผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 แบบที่มีการแบ่งน้ำหนักหุ้นแบบเท่า ๆ กัน เริ่มแซงหน้าดัชนี S&P 500 ที่แบ่งตามมูลค่าตลาด (Market cap) ที่ถูกฉุดกระฉากมาด้วยหุ้นเทคโนโลยีเป็นหลักจาก Market cap ที่เพิ่มขึ้น
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าหุ้นมูลค่าแบบดั้งเดิมเริ่มกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง ในขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีสัดส่วนเป็นส่วนใหญ่ในดัชนีเริ่มให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่า
เนื้อหาต้นฉบับโดย Edward D. Perks, CFA
Chief Investment Officer, Franklin Templeton Investment Solutions
เรียบเรียงโดย FINNOMENA Admin
แฟรงคลิน เทมเพิลตัน (“Franklin Templeton”) ไม่รับผิดใด ๆ ต่อบุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ บริการ เว็บไซต์ หรือเนื้อหาใด ๆ ที่ได้จัดทำหรือปรากฏในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอกนั้น อีกทั้ง Franklin Templeton ไม่ได้ให้คำรับรอง รับประกัน หรือเป็นตัวแทน ไม่ว่าจะโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายในเนื้อหาหรือความถูกต้องของข้อมูลในช่องทางต่าง ๆ ของบุคคลภายนอก และไม่รับผิดต่อสิ่งใด ๆ ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากสิ่งที่กล่าวไว้ข้างต้น
ในกรณีที่มีความแตกต่างกันระหว่างเอกสารภาษาอังกฤษกับการแปลเป็นภาษาไทย ให้ยึดถือตามเอกสารภาษาอังกฤษ
แหล่งข้อมูล
Advance, Article, FINNOMENA Franklin Templeton, Franklin Templeton Outlook, Infographic, Knowledge, Long Content