เป็นที่รู้ ๆ กันว่า ประเทศจีนมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงที่สุดของโลก ทั้งการซื้อขายสินค้า การจองบริการต่าง ๆ หรือการสั่งอาหารผ่านทางออนไลน์ ทำให้การพัฒนาของโมเดลธุรกิจ e-Commerce ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ และคงไม่พ้นโมเดลธุรกิจที่ได้รับความนิยมสุด ๆ อย่าง Community Group Buying ซึ่งเริ่มเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความท้าทายในการบริโภคของผู้คนในจีนจากวิกฤต Covid-19 ที่ผ่านมา
ช่วง Covid-19 ทำให้ลูกค้าอยากจะหลีกเลี่ยงการไปซื้อของในตลาดที่มีคนหนาแน่น ลองนึกภาพว่าเราอยากจะซื้อผัก ผลไม้ จากตลาด แต่ไม่อยากออกไปเดินเลือกซื้อในที่ ๆ เจอคนเยอะ ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์โรคระบาดในจีนจะดีขึ้นแล้ว Community Group Buying ก็ยังคงเป็นที่น่าสนใจ เพราะราคาของสินค้าที่ถูกกว่า และอาจจะได้สินค้าราคาดีกว่าออกไปซื้อเองที่ตลาดด้วยซ้ำ
Community Group Buying (การรวมกลุ่มของผู้ซื้อ) คือ โมเดลธุรกิจที่จะมีฝั่งหนึ่งอย่าง ผู้นำกลุ่ม (Group Buying Leader) ที่อยู่ในชุมชนเดียวกันกับลูกค้า ทำหน้าที่รับออเดอร์คำสั่งซื้อของสมาชิก (Member) ที่มาจากแอปต่าง ๆ รวมถึงคำสั่งซื้อจากกลุ่ม WeChat ซึ่งเป็นวิธีที่เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายที่สุดด้วย ผู้นำกลุ่ม (Leader) จะคอยดูแลกลุ่มและโปรโมทสินค้าที่คัดสรรมาแล้วในกลุ่มหรือผ่านแอป ทั้งสินค้าที่หามาโดยตรงจากเกษตรกร ผู้จัดจำหน่ายหรือแบรนด์สินค้าเอง และทำการรวบรวมคำสั่งซื้อส่งไปยังแพลตฟอร์มของผู้ผลิตสินค้า
หลังจากนั้นหน้าที่ของผู้ผลิตสินค้าคือส่งสินค้าต่อให้กับผู้นำกลุ่ม (Group Leader) ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ เจ้าของร้านค้าในชุมชนนั้น ๆ เอง ร้านจะถูกจัดให้เป็นจุดพักสินค้าชั่วคราว และรอลูกค้าทยอยมารับสินค้าที่สั่งไป
ลูกค้าจะได้ราคาสินค้าที่ต่ำกว่าการซื้อจากหน้าร้านหรือตลาด เพราะรวมกันสั่งซื้อสินค้าประเภทเดียวกันในปริมาณมาก ทั้งยังช่วยป้องกันราคาให้กับสินค้าที่ซื้อในปริมาณน้อยด้วยค่าจัดส่งก็จะประหยัดกว่าการสั่งซื้อแบบรายคน แถมยังสะดวกกว่าเพราะแค่สั่งผ่านแอปหรือกลุ่ม WeChat ด้วยข้อดีของเทคโนโลยี กลุ่มเหล่านี้จึงใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยทั่วไปประมาณ 100-500 คน ภายในละแวกใกล้เคียงหรืออยู่ในกลุ่มชุมชนเดียวกัน
ทางฝั่งผู้นำกลุ่ม (Group Buying Leader) ก็จะได้ค่านายหน้า (commission) เป็นผลตอบแทน เพราะลดขั้นตอนไม่ต้องไปผ่านผู้จัดจำหน่ายและพ่อค้าคนกลางหลาย ๆ ทอด เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลงสำหรับลูกค้า และมีส่วนช่วยให้มีการกระจายสินค้าไปยังเมืองเล็ก ๆ ด้วย ที่สำคัญคือโมเดลธุรกิจแบบนี้ ดึงคนเข้ามาด้วยการบอกปากต่อปาก ให้ความรู้สึกแบบเครือญาติหรือเพื่อนบ้านมากกว่า จึงเข้าถึงกลุ่มคนที่ไม่ค่อยถนัดเทคโนโลยีหรือกลุ่มผู้สูงอายุในแถบชนบท ที่ปกติจะอยากสั่งซื้อของผ่านคนรู้จักในชุมชนมากกว่าการสั่งซื้อผ่านทางอินเตอร์เน็ต
Community Group Buying ยังให้ข้อดีมาก ๆ กับบริษัท e-Commerce เพราะแก้ปัญหาเรื่องการขนส่งหนาแน่นและปัญหาของเน่าเสียในร้านขายของชำ เป็นสิ่งที่โมเดลธุรกิจแบบอื่น ๆ ยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Community Group Buying เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และขยับขึ้นมาเป็นแนวหน้าในการแข่งขันด้าน e-Commerce ในประเทศจีน จากการคาดการณ์ของตลาด อัตราการเติบโตเฉลี่ยในอีก 5 ปีข้างหน้าของจีน อาจสูงได้ถึง 100% เลยทีเดียว
แถมยังมีพื้นที่มากมายในตลาดจีนให้ขยับขยายได้อีก ถือว่าโมเดลธุรกิจ Community Group Buying ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้นและกำลังพัฒนาเติบโตอย่างต่อเนื่อง แถมยังช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างตลาด e-Commerce ในจีนอีกด้วย การที่สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีรายได้น้อย และแก้ไขปัญหาการขนส่งที่กำลังพัฒนาในตลาดนี้ได้ ทำให้มีโอกาสสูงมากที่จะนำไปปรับใช้กับตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ในต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย หรือบราซิล
แน่นอนว่าโมเดลธุรกิจแบบนี้ ต้องถูกจับตามองโดยบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ที่สนใจเข้ามาลงทุน ทั้งเพิ่มกำลังการจ้างงาน หรือสร้างแพลตฟอร์มของตัวเองขึ้นมาเพื่อรองรับการเติบโตนี้เจ้าของ Platform e-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Alibaba Group, Pinduoduo, Meituan, Tencent, JD.com หรือแม้กระทั่ง Didi บริษัทแอปที่ให้บริการเรียกแท็กซี่รายใหญ่ของจีนที่เพิ่งมีข่าวโดนแบนไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็ลงมาเล่นกับโมเดลธุรกิจนี้ด้วย ส่วนใหญ่โฟกัสไปที่การหาฐานลูกค้าในเมืองรอง ๆ หรือแถบชนบท
ด้วยความพยายามของบริษัทรายใหญ่ที่เข้ามา ไม่ว่าจะเข้ามาเป็นส่วนแบ่งหนึ่งในตลาดหรือเพื่อใช้เงินมากมายที่มีก็แล้วแต่ ทำให้ร้านขายของชำเล็ก ๆ หรือร้านขายของดั้งเดิมที่ยังเป็นแบบออฟไลน์ (Offline) อยู่ ต้องเจอกับปัญหาอย่างหนักเช่นกัน ร้านค้าเหล่านี้อยู่ในความเสี่ยงที่จะสูญเสียธุรกิจของตัวเองไป หากไม่ยอมเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ Community Group Buying แต่ถ้าหากยอมขาดทุนบางส่วนเพื่อเข้าร่วมกับแพลตฟอร์มนี้ ก็จะต้องสูญเสียกำไรบางส่วนจากการตัดราคาเช่นกัน
ทางการจีนก็ได้ออกโรงเตือนเพื่อเบรกกระแสอันมาแรงของ Community Group Buying ไว้ด้วยการออกนโยบายหรือระเบียบเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ในจังหวะนี้ที่วิกฤต Covid-19 ยังไม่หายไป ตราบใดที่ผู้คนยังต้องมีการรักษาระยะห่าง (Social Distancing) กันอยู่ ก็จะยังเป็นแรงผลักดันให้ยอดการสั่งซื้อทุกอย่างผ่านออนไลน์ยิ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว และกระจายไปยังตลาดส่วนอื่นที่ยังไม่มีใครเข้าถึง คงต้องมีการจับตามองโมเดลธุรกิจนี้กันต่อไป
เนื้อหาต้นฉบับโดย Claus Born, CFA
Institutional Portfolio Manager, Franklin Templeton Emerging Markets Equity
แหล่งข้อมูล
Advance, Article, Community Group Buying, FINNOMENA Franklin Templeton, Knowledge, Long Content, ศัพท์การเงิน
Finnomena x Franklin Templeton ยกระดับกลยุทธ์การลงทุนของคุณให้เป็นระดับโลก Finnomena ร่วมกับ Franklin Templeton ออกแบบพอร์ตการลงทุนที่เหมาะกับคนไทย พร้อมส่งต่อบทวิเคราะห์การลงทุนจากศูนย์วิจัยด้านการลงทุนระดับโลกให้คุณได้รู้ก่อนใคร