กลับมาพบกันอีกครั้งกับ The Key Factors ประจำสัปดาห์ กับความสับสนทางสงครามการค้าที่ประกอบไปด้วย

  • การเชิญจีนร่วมตั้งโต๊ะเจรจา โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ
  • ตามมาด้วยการเรียกเก็บภาษีอีกครั้งจากนายโดนัลด์ ทรัมป์จำนวน 200,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้การเจรจาถูกยกเลิกโดยปริยายจากท่าทีของสหรัฐเอง
  • จีนตอบโต้ในเชิงรุกมากขึ้นด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐที่วงเงินประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์
  • และตามมาด้วยการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ให้สัมภาษณ์สื่อว่า พร้อมที่จะเปิดเจรจากับจีนอีกครั้งเพื่อยุติสงครามดังกล่าว

ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์เท่านั้น

1. ตลาดเริ่มชินชา

The Key Factors: และแล้ว Trade War จะไม่สำคัญอีกต่อไป…

Source : Bloomberg

เมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากจีนอีกครั้งคิดเป็นวงเงินกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหุ้นในภูมิภาค Asia Pacific มีการปรับตัวขึ้นเกือบ 1%

2. หยวนทรงตัว

The Key Factors: และแล้ว Trade War จะไม่สำคัญอีกต่อไป…

Source : Bloomberg

ขณะที่ค่าเงินหยวนของจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่กรณีโดยตรง ก็เกิดความผันผวนในระดับที่ต่ำ เมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา ทั้งในช่วงเวลาของการซื้อขายในภูมิภาคของเอเซียและนิวยอร์ค

3. สงครามการค้าถึงจุดต่ำสุด

The Key Factors: และแล้ว Trade War จะไม่สำคัญอีกต่อไป…

Source : Bloomberg

สถานะของกำแพงภาษีทั่วโลกมาถึงจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 200 ปี ที่มีอัตราภาษีนำเข้าเฉลี่ยใกล้เคียง 0% ซึ่งเป็นช่วงที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 1930 – 1950 ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะเป็นวัฏจักรที่หมุนเวียนระหว่างการตั้งกำแพงภาษี และ การเปิดเสรีการค้าอยู่เสมอ

ทำให้นักลงทุนเริ่มมีการตอบรับต่อสงครามการค้าที่น้อยลง อาจเป็นเพราะนักลงทุนและตลาด เริ่มมีการรับรู้ถึงความผันผวน และวัฏจักรปกติของการค้าโลก รวมไปถึงทราบถึงแนวทางการดำเนินนโยบายทางการค้าของทรัมป์ที่มักมีการใช้บทบาทแบบขัดแย้งอยู่เสมอ เพื่อทำให้คู่กรณีไม่สามารถคาดเดาพฤติกรรมได้ ส่งผลให้สงครามการค้าเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดน้อยลงไปทุกที

FINNOMENA Investment Team


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต / ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต| ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน

TSF2024