The Key Factors ตอน เมื่อยุโรปทำ QE Tapering ตามรอยเฟด

ภาวะการลงทุนในระยะนี้มีปัจจัยสำคัญหลายอย่าง ทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดของ Fed การประกาศลดวงเงิน QE ของ ECB และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่อาจจะยืดเยื้อกว่าที่คาดไว้ จากการประชุม FINNOMENA Investment Team ครั้งล่าสุด ได้ติดตามสภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลก และได้คัดเลือก The Key Factors ที่น่าสนใจมาให้นักลงทุนทุกท่านติดตาม ดังนี้

1. พันธบัตรของประเทศต่างๆ ในยุโรปที่กำลังจะครบกำหนดไถ่ถอน

จากการประชุม ECB ในวันที่ 14 มิ.ย. 61  ECB ได้ประกาศคงดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีก 1 ปี และลดวงเงิน QE จาก 30,000 ล้านยูโรต่อเดือนป็น 15,000 ล้านยูโรต่อเดือนในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค. 61 ขณะเดียวกัน Investment Team ของฟินโนมีนาได้วิเคราะห์ข้อมูลพบว่าใน 1 – 2 ปีข้างหน้ามีหนี้ภาครัฐจำนวนไม่น้อยที่จะครบกำหนดไถ่ถอน และการที่ ECB มีแนวโน้มจะหยุดซื้อตราสารหนี้ในตลาดอาจส่งผลให้ประเทศที่มีความเปราะบางอย่างอิตาลีอาจมีปัญหาในการออกพันธบัตรใหม่ในวันที่ตราสารเหล่านี้ทยอยครบอายุในระยะข้างหน้า

รูปที่ 1 อายุคงเหลือของพันธบัตรของประเทศต่างๆ ในยุโรป ที่มา : Bloomberg

2. ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจยุโรปจากภาวะหนี้สาธารณะในอิตาลี

เศรษฐกิจยุโรปมีความเสี่ยงมากขึ้นจากปัญหาหนี้สาธารณะของอิตาลีที่ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็น 131.8% ของจีดีพี ซึ่งหากอิตาลียังคงไม่รักษาวินัยทางการคลัง หรือหากเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัว เกิดขึ้นพร้อมกันกับการที่ ECB ทำการหยุดกระตุ้นด้วย QE อาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลอิตาลี (Yield) ปรับตัวสูงขึ้น และความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของอิตาลีเพิ่มมากขึ้นในระยะต่อจากนี้

     

รูปที่ 2 หนี้สาธารณะต่อ GDP ของอิตาลี ที่มา : Tradingeconomics

3. การอ่อนค่าของเงินหยวนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015

รูปที่ 3  ค่าเงินหยวนเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐ ที่มา : Bloomberg

ค่าเงินหยวนอ่อนค่าเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งอาจจะเป็นมาตรการตอบโต้อย่างหนึ่งต่อ การตั้งกำแพงภาษีที่สหรัฐฯ นำมาใช้ โดยเงินหยวนปรับตัวมาอยู่ที่ 6.4586 หยวนต่อดอลล่าร์สหรัฐ อ่อนค่าลง 3.51%

ทั้งหมดก็เป็น THE KEY FACTORS รายงานจาก FINNOMENA Investment Team ที่นำมาฝากทุกท่านประกอบการตัดสินใจลงทุนในวันนี้ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนครับ

FINNOMENA Investment Team รายงาน

SaveSave

TSF2024