รับคำปรึกษาเกี่ยวกับ Tactical Call จาก Investment Advisor สำหรับผู้ที่สนใจลงทุน 1 ล้านบาทขึ้นไป คลิกเลย >>รับคำปรึกษาลงทุน<<
เมื่อคืนนี้ (วันที่ 2 ก.ย. 63) ตลาดหุ้นยุโรป ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย +2% เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากหลายประเทศเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมการผลิตค่อนข้างแข็งแกร่งในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 และความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางและรัฐบาลต่าง ๆ ได้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
รูปที่ 1 ดัชนี Citi Economic Surprise ของสหรัฐฯ ยุโรป จีน และญี่ปุ่น I Source : Bloomberg As of 31/8/2020
แม้ดัชนี EURO CITI Economic Surprise Index สะท้อนว่าตัวเลขเศรษฐกิจของยุโรปเปิดเผยออกมามีแนวโน้มดีกว่าคาดการณ์อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามล่าสุด ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนสิงหาคม หดตัว 0.2% (YoY) ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนสิงหาคม แม้จะเปิดเผยออกมาดีกว่าคาดการณ์ โดยหดตัว 3.3% (YoY) ซึ่งทั้ง 2 ตัวเลขที่เปิดเผยออกมาส่งสัญญาณว่าภูมิภาคยุโรปยังต้องการมาตรการกระตุ้นอีก
ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าประเทศหลักในยุโรปอย่างเยอรมนีและฝรั่งเศสจะใช้มาตรการกระตุ้นในขนาดที่สูง แต่หากเทียบกับประเทศอื่นทั่วโลกแล้วพบว่ายังสามารถใช้มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมได้
รูปที่ 2 เปรียบเทียบสัดส่วนมาตกรการคลังเทียบกับ GDP (%) ระหว่างช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 และวิกฤติซับไพรม์ I Source : Mckinsey As of 29/8/2020
ขณะที่ด้านนโยบายการเงิน ECB ประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยวงเงินเพียง 1.35 ล้านล้านยูโร สวนทางกับ Fed ที่ใช้นโยบายในวงเงินไม่จำกัด
รูปที่ 3 P/E PBV และ EV/Sales ของดัชนี STOXX50 และ MSCI World Index I Source : Mckinsey As of 29/8/2020
เมื่อพิจารณาด้าน Valuation และการเติบโตของดัชนี Stoxx 50 จะพบว่ายุโรปยังคงเป็นภูมิภาคที่มีระดับ P/E และ PBV ที่ต่ำกว่าภาพรวม อีกทั้งยังมีโอกาสการเติบโตของกำไรในปี 2021 ที่เหนือกว่า
จากที่กล่าวมาจะพบว่าแม้เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบและอยู่ในภาวะซบเซา แต่คาดการณ์จากนักวิเคราะห์กลับต่ำกว่าความเป็นจริง พร้อมความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม ซึ่งยุโรปมีความสามารถเพียงพอที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมได้ ปัจจัยทั้งหมดหนุน Sentiment เชิงบวกในระยะสั้นต่อตลาดหุ้นยุโรป
มุมมองทางเทคนิค (Technical Analysis)
กราฟรายวันของ STOXX 50 (Daily Chart) ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ 50 ตัวแรกในยุโรป เมื่อวานปรับตัวขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ได้เป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือนก.ค. ที่ผ่านมา
ประกอบกับตัวดัชนีเองได้สัญญาณ Golden Cross จากการที่เส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนมี.ค. ปี 2019
เมื่อพิจารณาจากเป้าหมายระยะสั้น ในกรณีที่ดัชนี STOXX 50 สามารถปรับตัวขึ้นไปต่อได้ด้วย Golden Cross อย่างในอดีต เรามีเป้าหมายระยะกลาง (4-6 เดือน) ที่ STOXX 50 จะสามารถขึ้นไปทดสอบแนวต้าน Fibbonacci Retracement 78.6% ที่ระดับ 3,532 จุด หรือคิดเป็น Upside 6% เป็นแนวต้านแรก และแนวต้านถัดไปคือ จุดสูงสุดเดิมก่อนเกิดเหตุการณ์ Pandemic ที่ระดับ 3,865 หรือ Upside Potential ประมาณ 15% จากระดับราคาปิดเมื่อคืน (วันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา)
รูปที่ 4 ดัชนี STOXX50 Timeframe : Day I Source :Tradingview As of 2/9/2020
FINNOMENA Tactical Call :
เราแนะนำเข้าลงทุนเก็งกำไร เน้นรอบระยะกลาง 4-5 เดือน ในกองทุน KF-HEUROPE และ K-EUX โดยนักลงทุนที่เหมาะกับ Tactical Call นี้ คือ
- เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะเข้าสะสมในจังหวะที่สมเหตุสมผล
- นักลงทุนที่รับความผันผวนได้ คาดหวังผลกำไร 6%-15%
- นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทัน ในกรณีที่ NAV ลงมา ณ จุด Stop Loss > 4% จากต้นทุน
รูปที่ 5 ผลการดำเนินงานของ Top10 Holding KF-HEUROPE, ดัชนี Stoxx50 และ MSCI World I Source :Bloomberg As of 1/9/2020
รายละเอียดกองทุน KF-HEUROPE และ K-EUX
รูปที่ 6 ผลการดำเนินงาน Year to Date และ 1 Month กองทุน KF-HEUROPE และ K-EUX I Source :finnomena.com As of 1/9/2020
กองทุน KF-HEUROPE
รูปที่ 7 สัดส่วนการลงทุนของกองทุน Allianz Europe Equity Growth Fund (กองทุนหลักของ KF-HEUROPE) l Source : /nordic.allianzgi.com As of 31/07/20
เน้นลงทุนในกองทุนรวม Allianz Europe Equity Growth Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งลงทุนในหุ้นประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป นอร์เวย์ หรือไอซ์แลนด์ มีกลยุทธ์ในการบริหารแบบเชิงรุก (Active) โดยมีดัชนีอ้างอิงคือ S&P Europe LargeMidCap Growth Net Total Return โดยเน้นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตสูงในระยะยาวเป็นหลัก โดยที่กองทุน KF-HEUROPE มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90%
กองทุน K-EUX
รูปที่ 8 สัดส่วนการลงทุนของกองทุน iShares EURO STOXX 50 UCITS ETF (กองทุนหลักของ K-EUX) l Source : /nordic.allianzgi.com As of 31/08/20
เน้นลงทุนในกองทุนรวม iShares EURO STOXX 50 UCITS ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็น ETF ที่ลงทุนตามดัชนี STOXX 50 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) มากที่สุด 50 ตัวแรก โดยกองทุนมีกลยุทธ์ในการบริหารแบบเชิงรับ (Passive) และมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75%
FINNOMENA Investment Team
สำหรับลูกค้าปัจจุบันของ FINNOMENA เข้าสู่แอปเพื่อสร้างแผน DIY และซื้อขายได้ทันที ส่วนผู้ที่ยังไม่มีบัญชีซื้อขายกับ FINNOMENA >>คลิกที่นี่<< เพื่ออ่านวิธีการเปิดบัญชีภายใน 1 วัน
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน