รับโอกาสเงินต้นเติบโต ภายใต้ความผันผวนที่ต่ำ ด้วยกองทุน KFAINCOME-R

กองทุน KF-AINCOME มีทั้งหมด 2 ประเภท คือ

  1. ประเภทสะสมมูลค่า (Accumulate) ใช้ชื่อกองทุนว่า KFAINCOM-A ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล หรือ กระแสเงินสดคืนให้นักลงทุน
  2. ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Auto Redemption) ใช้ชื่อกองทุนว่า KFAINCOM-R

และในบทความนี้จะเน้นไปที่นโยบายการลงทุนของกองทุน KF-AINCOME โดยรวม และพูดถึงข้อดีของการเลือกลงทุนในกองทุน KFAINCOM-R ซึ่งเป็นประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Auto Redemption) มาดูความน่าสนใจของกองทุน KFAINCOM-R กันเลยครับ

หากสนใจลงทุนใน KFAINCOM-R สามารถสร้างแผนเพื่อเปิดบัญชีลงทุนได้ที่
https://www.finnomena.com/nter-space-create/

kfaincom-r

4 Highlights ที่น่าสนใจของกองทุน KFAINCOM-R

1) ทีมบริหารการลงทุนมืออาชีพ

  • ผู้จัดการกองทุน KF-AINCOME คือคุณ Patrick Brenner (Fund Manager) ล่าสุด! ได้รับรางวัล The Asset Triple A Asset Servicing, Institutional Investor and Insurance Awards 2019 Fund Manager of the Year – Mixed Assets (Highly Commended) 
  • และกองทุนหลัก (Master Fund) ที่ KF-AINCOME เลือกลงทุน คือ Schroder Asian Income Funds ได้รับรางวัล Fund Selector Asia Awards Hong Kong Award 3 ปี ซ้อน (2017-2019) ซึ่งบลจ. Schroder เป็นบลจ.ชื่อดังจากสหราชอาณาจักร ที่มีประวัติการบริหารสินทรัพย์ยาวนานกว่า 215 ปี และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 543,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นกว่า 16.46 ล้านล้านบาท

2) จ่ายกระแสเงินสดคืนให้นักลงทุน (Auto Redemption)

KFAINCOM-R ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล แต่มีนโยบายในการจ่ายกระแสเงินสด หรือ Auto Redemption แทน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถประหยัดภาระภาษีที่เกิดขึ้นจากการจ่ายปันผลได้ ในอดีตที่ผ่านมานั้น กองทุนนี้สามารถจ่ายกระแสเงินสดคืนให้นักลงทุนได้เฉลี่ยประมาณ 4.2 – 4.7% ต่อปี

3) การบริหารความเสี่ยง

กองทุน KF-AINCOME สามารถคุมความเสี่ยงเอาไว้ได้อยู่ ด้วยการปรับพอร์ตตามความเหมาะสม โดยมีสัดส่วนหุ้นต่ำสุดที่่ประมาณ 20% และสูงสุดที่ประมาณ 60% (ไม่รวม REITs) ในช่วงที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงแรงๆ อย่าง ช่วงเดือน 4 และ เดือน 7 ปี 2019 ที่ MSCI Asia Ex Japan -9.29 และ -9.07% ตามลำดับ กองทุนนี้สามารถทำผลตอบแทนได้เป็น +0.28% และ -2.14% ได้ตามลำดับ

4) เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน

นักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอ พร้อมรับโอกาสเงินต้นเติบโตภายใต้ความผันผวนที่ต่ำ (เมื่อเทียบกับกองทุนในหมวดเดียวกัน) อย่างไรก็ตามนักลงทุนต้องเข้าใจด้านการลงทุน หรือ รับความผันผวนในระยะสั้นได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากกองทุนสามารถลงทุนในหุ้น และตราสารหนี้ High Yield รวมไปถึง Non-Rated ได้ ในยามที่สถานการณ์เหมาะสม เช่น มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ต่ำ ,เศรษฐกิจร้อนแรง หรือ มีสภาพคล่องในตลาดที่สูง

สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน

  • สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน สร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลก ล่าสุด! ในวันที่ 13 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปใน Phase 1 เรียบร้อยแล้ว นั่นคือข้อตกลงเบื้องต้นในการระงับการขึ้นภาษีของทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งส่งผลดีต่อตลาด และจะมีการลงนามจริงในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคมในปีหน้า
  • เหตุการณ์การประท้วงในฮ่องกง ทำให้การท่องเที่ยวซบเซา ส่งผลกระทบต่อกลุ่มธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงมีแนวโน้มที่ไม่ค่อยดีนัก

แต่เรามองว่าเหตุการณ์เหล่านี้ เป็นจุดเหมาะสมที่จะเข้าซื้อ ด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • ประเทศที่กำลังพัฒนา เป็นภูมิภาคที่ถูกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวมากกว่าประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ และยุโรป

  • อัตราดอกเบี้ย และปันผลที่สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งช่วยสร้างโอกาสในการรับกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ กลุ่มที่ได้ประโยชน์ คือ กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ในเอเชีย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจากอยู่ในระดับต่ำ

ด้านผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง?

ข้อมูล ณ วันที่ 26 พ.ย. 62*
ที่มา: FINNOMENA

กองทุน KF-AINCOME จดทะเบียนกองทุน เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2558 ทำให้มีผลการดำเนินงานให้เห็นเพียง 3 ปี ในผลการดำเนินงาน 1 ปีย้อนหลัง กองทุน KFAINCOM-R ทำผลตอบแทนได้ 8.69% ต่อปี ซึ่งเมื่อเทียบกับกองทุนในกลุ่มเดียวกัน อยู่ที่ 7.45% ต่อปี และในผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลัง ทำผลตอบแทนได้ 4.42% ต่อปี ขณะที่ในกลุ่มทำได้ 3.52% ต่อปี

การจัดอันดับผลการดำเนินงานนี้ ยึดจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน โดยคำว่า

ดีที่สุด หมายถึง ในการจัดอันดับ 100 กองทุน กองทุนนี้อยู่ลำดับที่ 1-5
ดีมาก หมายถึง ในการจัดอันดับ 100 กองทุน กองทุนนี้อยู่ลำดับที่ 5-25
ดี หมายถึง ในการจัดอันดับ 100 กองทุน กองทุนนี้อยู่ลำดับที่ 25-50

แต่การจะบอกว่ากองทุนนี้ดีหรือไม่ดี ดูเพียงผลตอบแทนย้อนหลัง ก็ยังไม่เพียงพอเท่าไร ส่วนหลักๆ ที่ต้องดูเพิ่มเติมอีก คือ SD, Sharpe Ratio และ Maximum Drawdown

ข้อมูล ณ วันที่ 26 พ.ย. 62*
ที่มา: FINNOMENA

  • Standard Deviation คือ ค่าความผันผวน หากผลตอบแทนดีอย่างเดียว แต่ SD สูง ก็อาจจะไม่คุ้มเสี่ยง ยิ่งต่ำ ยิ่งดี!

ข้อมูล ณ วันที่ 26 พ.ย. 62*
ที่มา: FINNOMENA

  • Sharpe Ratio คือ ผลตอบแทนเมื่อเที่ยบกับความเสี่ยง เป็นการดูว่ากองทุนนี้ ทำผลตอบแทนได้เป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับความเสี่ยง ยิ่งสูง ยิ่งดี!

ข้อมูล ณ วันที่ 26 พ.ย. 62*
ที่มา: FINNOMENA

  • Maximum Drawdown คือผลขาดทุนสูงสุดของกองทุนรวมในแต่ละช่วงเวลา เป็นส่วนที่ช่วยดูว่า เวลาที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ กองทุนนี้สามารถรักษาผลขาดทุนได้ดีแค่ไหน ยิ่งต่ำ ยิ่งดี!

จากภาพด้านบน จะเห็นว่ากองทุน KFAINCOM-R ทำผลการดำเนินงานทั้ง 3 ส่วน อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก และดีที่สุด

*คำเตือน : ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

หากสนใจลงทุนใน KFAINCOM-R สามารถสร้างแผนเพื่อเปิดบัญชีลงทุนได้ที่
https://www.finnomena.com/nter-space-create/

kfaincom-r

KF-AINCOME ลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง?

ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 62
ที่มา: Schroders

หากมองเผินๆ จะคิดว่ากองทุนนี้ลงทุนในอุตสาหกรรมการเงิน เพราะมีสัดส่วนในการลงทุนในอุตสาหกรรมการเงินสูงถึง 46.20 % (ข้อมูลวันที่ 31 ตุลาคม 2562) แต่ในความเป็นจริงสินทรัพย์ 46.20% นั้นคือสินทรัพย์ทางการเงินจำพวกกองทรัสต์อสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ด้วยครับ

กองทุนลงทุนใน MapleTree Commercial Trust (MCT) 2.1% MCT เน้นลงทุนในอาคารศูนย์การค้าและสำนักงานชั้นนำในประเทศสิงค์โปร โดยกองทุนเน้นการลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่องเป็นหลัก (ในที่นี้คือการปล่อยเช่าอาคาร) สินทรัพย์หลักๆ ของ MCT อยู่ในใจกลาง Business district ริมน้ำ มีเพื่อนบ้านเป็นเกาะ Sentosa แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของสิงค์โปร์

หนึ่งในทำเลในฝันของนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทุกคน ถ้าใครเคยไปเที่ยวสิงคโปร์จะรู้ว่า ค่าเช่าห้องที่สิงคโปร์แพงแค่ไหน

ที่มา: MapleTree Commercial Trust Annual Report 2018/2019
สินทรัพย์ที่ MapleTree Commercial Trust ลงทุนในสิงค์โปร์

ตั้งแต่กองทุน IPO มา มูลค่าของกองทุนสร้างผลตอบแทนรวมให้กับนักลงทุนไปแล้ว 185.3% 

ปัจจุบันคิดเป็นอัตราการปันผล (Distribution Yield) ที่ 4.8% สูงพอสมควรเมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นสิงคโปร์ Straits Times Index ที่ทำได้เพียง 4.2% (ที่มา: MapleTree Commercial Trust Annual Report 2018, ข้อมูลวันที่ 31 มี.ค. 2562)

ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 62

สาเหตุที่ MCT ทำผลตอบแทนได้สูงขนาดนี้ส่วนหนึ่งเพราะทุกๆ ตึก ทุกๆ อาคารของ MCT มีอัตราการเช่าที่สูงมาก 95% ขึ้นไป สะท้อนถึงความนิยมและศักยภาพของทำเลที่ MCT มีจุดที่น่าสังเกตของ KF-AINCOME ยังมีอีกปัจจัย คือ กองทุนลงทุนในฮ่องกงสูงถึง 15.1% ของทั้งหมด แต่ที่ผ่านมายังสามารถรักษาผลตอบแทนได้ ราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงเลยแม้แต่น้อย อะไรคือความลับของการรักษาผลตอบแทนของ KF-AINCOME

ข้อมูล ณ วันที่ 4 ธ.ค. 62
ที่มา: FINNOMENA

ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 62
ที่มา: Schroders

สิ่งที่สังเกตเห็นคือ KF-AINCOME มีการลงทุนใน HK Electric Investments 1.8% ซึ่งพอเข้าไปดูรายละเอียดแล้วจะพบว่าบริษัทนี้เป็นโรงไฟฟ้านั่นเองครับ จึงไม่แปลกที่แม้จะมีการประท้วงในฮ่องกง แต่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบเท่าไร อย่างไรคนก็ต้องใช้ไฟฟ้า พอธุรกิจได้รับผลกระทบน้อยก็ส่งผลให้ผลประกอบการและปันผลที่ส่งผ่านมาถึงกองทุนจึงมีเสถียรภาพสูงนั่นเอง

นอกจากสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่มีเสถียรภาพ กองทุนยังมีการลงทุนในพันธบัตรและตราสารทางการเงินต่างๆ ที่ให้ผลตอบแทนแบบคงที่ด้วย การจะเห็นผลตอบแทนของ KF-AINCOME ผันผวนหนักๆ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

อยากลงทุนในกองทุน KFAINCOM-R ต้องใช้เงินเท่าไร?

ข้อมูล ณ วันที่ 26 พ.ย. 62*
ที่มา: FINNOMENA

KFAINCOM-R กำหนดมูลค่าขั้นต่ำในการซื้อครั้งแรกที่ 50,000 บาท และครั้งถัดไปที่ 2,000 บาท โดยค่าธรรมเนียมการขาย หรือค่าธรรมเนียมในตอนที่เราเข้าซื้ออยู่ที่ 1.5% ซึ่งถือเป็นค่าธรรมเนียมในอัตราปกติของกองทุนรวมต่างประเทศ และมีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดอยู่ที่ 0.86% ต่อปี ถือว่าเป็นค่าธรรมเนียมที่ต่ำมากๆ

ความเสี่ยงที่ต้องให้ความสนใจ

  • สภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนสูง อาจส่งผลให้อัตราการเช่าของ REIT แต่ละที่ที่กองทุนไปลงทุนลดลง และส่งผลให้ผลตอบแทนลดลงตามมาได้ อย่างไรก็ตามอาคารสำนักงานหรือศูนย์การค้าที่ไปลงทุนมักจะอยู่ในทำเลที่ดี มีอัตราการเช่าสูง จึงมีโอกาสได้รับผลกระทบน้อย
  • สินทรัพย์ที่กองทุนไปลงทุน อาจได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ทำให้การดำเนินงานติดขัดได้ อย่างไรก็ตามกองทุนมีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างสูง สังเกตจากสินทรัพย์ที่กองทุนลงทุนสูงสุดมีสัดส่วนเพียง 2.1% เท่านั้น ในขณะที่กองทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงน้อยๆ ส่วนใหญ่จะมีสัดส่วนสินทรัพย์ที่ลงทุนประมาณ 4-5%
  • ปัญหาทางการเมือง เหตุการณ์ประท้วงที่เกิดขึ้นในฮ่องกง หรือแม้แต่ในประเทศไทยในอดีต เป็นเหตุการณ์ที่ประเมินได้ยาก อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เหล่านี้มักจะสร้างความผันผวนชั่วคราว และกลับมาเป็นปกติหลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 2-3 ปี ส่งผลกระทบกับพื้นฐานของเศรษฐกิจแตกต่างกัน

สรุป

  • กองทุน KFAINCOM-R มีนโยบายในการจ่าย Auto Redemption เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และต้องการประหยัดภาระภาษีจากการจ่ายปันผลได้
  • แต่นักลงทุนต้องสามารถรับความผันผวนในระยะสั้นได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากกองทุนมีการลงทุนในหุ้น และตราสารหนี้ High Yield รวมไปถึง Non-Rated ในยามที่สถานการณ์เหมาะสม และมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ต่ำ ในช่วงเศรษฐกิจร้อนแรง หรือ ในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องสูง

ทำไม KFAINCOM-R ถึงเป็นกองทุนที่น่าสนใจในปี 2020

แม้สถานการณ์ความตึงเครียดจะดูผ่อนคลายลงไป ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการค้า หรือ Brexit ที่ยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองกันต่อไป อีกทั้งยังมีการเลือกตั้งของสหรัฐฯ รออยู่อีกในปี 2020 ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจนสินทรัพย์ประเภท Yield Play อื่นน่าสนใจมากขึ้น การเลือกลงทุนในสินทรัพย์เพื่อหาการเติบโตที่ไม่ผันผวน พร้อมจ่ายกระแสเงินสดอย่างคงที่ ในภูมิภาคเอเชียยกเว้นญี่ปุ่น (Asia ex-Japan) ที่มีศักยภาพการเติบโตติดอันดับต้นๆ ของโลก ก็นับเป็นการลงทุนที่ควรมีไว้ในพอร์ต สำหรับกระจายความเสี่ยง สร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญเพื่อรับมือสถานการณ์ของปี 2020 ที่อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้

หากอยากลงทุนใน KFAINCOM-R ต้องทำอย่างไร?

kfaincom-r


คำเตือน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน

TSF2024