FINNOMENA PORT Strategy เดือนพฤศจิกายน 2021: Stagflation Check Up ตรวจสุขภาพเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ ร้อนแรงแค่ไหน?

เกาะติดสถานการณ์เงินเฟ้อ พร้อมมุมมองการลงทุนแบบเจาะลึก ผ่าน FINNOMENA Port Strategy ประจำเดือนพฤศจิกายน

ตรวจสอบสัญญาณ Stagflation

ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของดัชนี S&P 500, STOXX 600 และ TOPIX ยังทำผลประกอบการสูงกว่าที่คาด (Surprise) แต่จะเห็นแนวโน้มที่ลดลงเนื่องจากผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้วก็เปิดเผยออกมาดี ขณะที่ในปีนี้ตลาดต่างมีความคาดหวังสูงขึ้น ดังนั้นแนวโน้มที่ลดลงจึงเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล

ด้านตัวเลข Manufacturing PMI ของประเทศทั่วโลกอยู่ในระดับสูงกว่า 50.0 จุด จึงระบุได้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกยังมีแนวโน้มขยายตัวอยู่ในอนาคตรับแรงหนุนจากการทยอยเปิดเมือง ด้วยสภาพเศรษฐกิจแบบ First in, First out ประกอบกับมีปัจจัยเชิงลบเข้ามากระทบ ทำให้ตัวเลข PMI ของประเทศจีนเท่านั้นที่ต่ำกว่า 50.0 จุด

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นในบางประเทศแต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตกลับไม่เพิ่มขึ้นเป็นไปตามอัตราการฉีดวัคซีน ดังนั้นทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้วมีโอกาสน้อยมากที่จะใช้มาตรการปิดเมืองอีกครั้ง

จากข้อมูลข้างต้น FINNOMENA Investment Team มองว่าภาพรวมผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ยังดีกว่าคาดการณ์แต่เริ่มมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกยังขยายตัว ด้านประเทศพัฒนาแล้วก็มีอัตราการฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ด้านราคาพลังงานทั่วโลกที่ปรับตัวขึ้นเมื่อเดือนก่อนหน้าโดยเฉพาะราคาแก๊สธรรมชาติในยุโรปและราคาถ่านหิน ซึ่งสร้างแรงกดดันด้านปัจจัยเงินเฟ้อก็เริ่มปรับตัวลงอย่างรวดเร็วพร้อมราคาน้ำมันดิบ ขณะเดียวกันพบว่านักวิเคราะห์คาดว่าราคาน้ำมันดิบได้ผ่านจุดสูงสุดไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

ด้านค่าจ้างแรงงานซึ่งในปีนี้มีอัตราการปรับตัวขึ้นสูงที่สุดในรอบ 20 ปี เป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อไม่น้อยไปกว่าปัจจัยจากราคาพลังงาน โดยเหตุผลเกิดจากสวัสดิการจากภาครัฐเพียงพอต่อการใช้ชีวิตแรงงานจึงไม่เร่งรีบหางานทำ สวนทางความต้องการแรงงานเพื่อตอบสนองต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก

การสิ้นสุดของสวัสดิการเมื่อเดือนกันยายน การฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 5-12 ปี และการเปิดโรงเรียนจะช่วยให้มีแรงงานกลับเข้าระบบมากขึ้น ค่าจ้างแรงงานมีแนวโน้มปรับตัวลงช่วยลดแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ ขณะที่ตลาดการเงินก็เริ่มตอบสนองมุมมองเงินเฟ้อ เมื่อดัชนี Breakeven Inflation ทั้ง 5 ปี และ 10 ปี เริ่มปรับตัวลง

FINNOMENA Investment Team มองว่าอัตราเงินเฟ้อยังที่ตลาดยังให้ความสำคัญอยู่แต่เริ่มลดแรงกดดันต่อตลาดตราสารหนี้และนโยบายการเงินลงเนื่องจากแนวโน้มราคาพลังงานและค่าจ้างแรงงานที่ลดลง ขณะที่ธนาคารกลางยังมองว่าเงินเฟ้อเป็นปัจจัยชั่วคราว ด้านเศรษฐกิจที่กลับสู่ภาวะปกติซึ่งเป็นภาวะที่มีการเติบโตไม่มาก จะส่งผลให้ตลาดให้ความสนใจหุ้นกลุ่ม Technology และ Healthcare ที่มีการเติบโตเชิงโครงสร้างระยะยาวและมีความผันผวนต่อภาวะเศรษฐกิจต่ำ

จีนจังหวะนี้ ซื้อหรือรอ?

เศรษฐกิจจีนเข้าสู่ภาวะปกติก่อนภูมิภาคอื่นทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวมกลับมาสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 ระบาด ขณะเดียวกันตัวเลขการปล่อยกู้ (Bank Lending) ก็ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นไปตามนโยบาย Deleveraging ดังนั้นเมื่อการปล่อยสินเชื่อลดลงเศรษฐกิจจึงไม่อาจขยายตัวอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจจีนในปีหน้าจะกลับมาฟื้นตัวและมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าสหรัฐฯ และยุโรปอีกครั้ง แต่ด้วยธรรมชาติของระบบเศรษฐกิจจีนที่ถูกชี้นำด้วยนโยบายจากภาครัฐทำให้นักลงทุนยังต้องติดตามทิศทางนโยบายเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด

ด้านประมาณการ EPS ของดัชนี CSI 300 และ MSCI China ยังถูกปรับลง สวนทางดัชนีที่เคลื่อนไหวในกรอบประกอบกับมีข่าวการเดินทางไปต่างประเทศของ Jack Ma อันเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกนับตั้งแต่มีปัญหากับทางการจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว เป็นสัญญาณสะท้อนว่าการตรวจสอบจากทางการจีนผ่านจุดเข้มงวดที่สุดไปแล้ว ด้านบริษัท Alibaba ตอบรับแนวทางจากภาครัฐด้วยการใช้งบ 1 แสนล้านหยวน เดินหน้าตามนโยบาย Common Prosperity ในอีก 5 ปีข้างหน้า พร้อมปรับทิศทางโฆษณาวัน Singles Day ให้สอดคล้องกับแนวทาง Common Prosperity โดยเน้นความยั่งยืน

FINNOMENA Investment Team เริ่มเห็นแสงสัญญาณบวกด้านประมาณการกำไรเริ่มเห็นที่ดีปรับเป็นบวกในเดือนล่าสุดขึ้น เช่นเดียวกับการปรากฎตัวของ Jack Ma ในต่างประเทศ อย่างไรก็ตามจีนยังคงมีปัจจัยความเสี่ยงหลักที่ต้องติดตามคือปัญหาในด้านอสังหาฯ และนโยบายควบคุม COVID-19 แบบ Zero Tolerance 

เวียดนามสดใสรับเปิดเมือง

ตัวเลข Manufacturing PMI ของประเทศเวียดนามซึ่งก่อนหน้านี้ปรับตัวลงอย่างรุนแรงจนต่ำกว่าระดับ 50.0 จุด กลับฟื้นตัวขึ้นมาที่ 52.1 จุด หลังทางการคลายมาตรการควบคุมโรคทำให้โรงงานกลับมาเดินหน้าผลิตสินค้ารับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ซึ่งการปรับประมาณการ EPS ของตลาดหุ้นเวียดนามทั้งปี 2021 และปีหน้าที่ทรงตัวมาตลอดก็ถูกปรับขึ้นอีกครั้ง การปรับประมาณการ EPS ส่งให้ระดับมูลค่าเมื่อเปรียบเทียบกับดัชนี S&P 500 ก็ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ภาพรวมตลาดหุ้นเวียดนามจึงยังน่าสนใจ FINNOMENA Investment Team จึงแนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนด้วยโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การปรับประมาณการ EPS และระดับมูลค่าที่น่าสนใจ

ยุโรปยังแกร่งเศรษฐกิจยังหนุน

ดัชนี Manufacturing PMI และ Non-Manufacturing PMI เดือนตุลาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 58.5 และ 54.7 จุดตามลำดับ ยืนเหนือระดับ 50.0 จุด อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี สะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจยุโรปและการเติบโตในอนาคต

การเปิดเผยผลประกอบการของดัชนี STOXX 600 ไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 ทั้งรายได้และกำไรยังดีกว่าคาดการณ์เป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน เมื่อเทียบการปรับ EPS ของดัชนี STOXX 600 เหนือกว่าดัชนี S&P 500 สวนทางดัชนีตลาดหุ้นเชิงเปรียบเทียบที่ยังทรงตัวอยู่ นับเป็นสัญญาณเชิงบวกที่มีความน่าสนใจ เช่นเดียวกับระดับมูลค่าที่เทียบกับ S&P 500 แล้วต่ำมากที่สุดในรอบ 3 ปี

ภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปยังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการเปิดเมืองและอานิสงส์จากเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัว พร้อมมุมมองในอนาคตที่ยังขยายตัวซึ่งสะท้อนผ่านตัวเลข PMI ด้านการปรับประมาณการ EPS ก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกันหนุนระดับมูลค่าให้ยังน่าสนใจ FINNOMENA Investment Team จึงแนะนำคงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นยุโรป

Infrastructure & Thai REITs

ทำเนียบขาวเผยแพร่แผนใช้จ่ายที่ชื่อว่า “Build Back Better Framework” มูลค่า 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ แบ่งได้เป็นการลงทุนพลังงานสะอาดและการแก้ปัญหาโลกร้อน 5.55 แสนล้านดอลลาร์ งบอุดหนุนการดูแลเด็กและการเรียนอนุบาลฟรี 4 แสนล้านดอลลาร์ การลดหย่อนภาษีรายได้จากการทำงานและค่าลดหย่อนบุตร 2 แสนล้านดอลลาร์ และการลงทุนในการสร้างที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยา 1.5 แสนล้านดอลลาร์ แผนการล่าสุดนี้มีขนาดต่ำกว่าข้อเสนอเดิมที่ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ ร่างดังกล่าวต้องรอการเห็นชอบจากสภาคองเกรส ซึ่งมีกลุ่ม สส หัวก้าวหน้าเรียกร้องว่าร่างใช้จ่ายนี้ยังไม่เพียงพอ

แผนการใช้จ่ายยังคงสัดส่วนหลักเป็นการลงทุนพลังงานสะอาดอีกทั้งร่างล่าสุดได้เพิ่มเครดิตภาษีสำหรับผู้ผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์และลมสะท้อนการให้ความสำคัญในด้านนี้ ซึ่งกองทุน Credit Suisse (Lux) Infrastructure Equity Fund ที่เป็นกองทุนหลักของ KFINFRA-A มีสัดส่วนการลงทุนใน Renewable Energy มากที่สุดรอรับแรงหนุนจากแผนการใช้จ่าย ตามด้วยกลุ่ม Energy ซึ่งได้รับผลดีราคาพลังงานปรับตัวขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่ม Tower (เสาส่งสัญญาณ) รับการเติบโตด้าน 5G การประชุมทางไกล และ cloud 

ในทางกลับกันกองทุนยังมีสัดส่วนในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานดั้งเดิม เช่น ถนนและทางด่วน สาธารณูปโภค ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยต่ำช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ต FINNOMENA Investment Team จึงมองว่ากองทุน KFINFRA-A ยังน่าสนใจในแง่การเป็นกลุ่ม Defensive ในพอร์ตการลงทุน อีกทั้งการบริหารแบบ Active ทำให้สามารถคว้าโอกาสทั้งจากมาตรการกระตุ้นและการเติบโตของเศรษฐกิจ

การเปิดเมืองส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่งผลให้มีการปรับเพิ่มประมาณการ EPS ของดัชนีกองทุนอสังหาฯ และ REITs ไทย นับเป็นสัญญาณเชิงบวก ซึ่งหาก EPS เพิ่มขึ้นได้ตามคาดการณ์จะส่งผลให้ Yield Gap ระหว่างดัชนีอสังหาฯ และ REITs ไทย กับพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น หนุนระดับมูลค่าให้ดีขึ้น

Seasonal

จากสถิติผลตอบแทนรายเดือนย้อนหลัง 10 ปี ของแต่ละดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกชี้ชัดเจนว่าเดือนพฤศจิกายน ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมักทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้ดี ส่วนโอกาสที่ผลตอบแทนในเดือนดังกล่าวจะเป็นบวกก็สูงเช่นเดียวกัน ก่อนที่ทั้งอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยและโอกาสที่ผลตอบแทนจะเป็นบวกจะลดลงในเดือนธันวาคม

สรุปภาพกลยุทธ์เดือนพฤศจิกายน FINNOMENA Investment Team ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนคำแนะนำใน FINNOMENA PORT โดยภาพรวมยังคงชอบการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจากการเจริญเติบโตและแนวโน้มการปรับประมาณการกำไรที่ยังเป็นบวกโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ในขณะที่โมเมนตัมแรงกดดันเงินน่าจะมีทิศทางที่ผ่อนคลายลง ลดความเสี่ยงเรื่อง Stagflation ซึ่งเป็นผลตีต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยกลุ่มยังชื่นชอบที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ได้แก่ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฯ, กลุ่ม Health Care, หุ้นยุโรป, หุ้นเวียดนามและ Global Infrastructure นอกจากนั้นยังคงส่วนการลงทุนในจีนและ REITs ที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวต่อไป

FINNOMENA PORT Recommendations

GIF

GIF ยังคงมีความผันผวนที่ต่ำเมื่อเทียบกับภาวะการลงทุนโดยรวมทั่วโลก อีกทั้งยังสามารถสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอที่ระดับ 3-5% ต่อปี โดยที่มีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวมประมาณ 44% ซึ่งเหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนแล้ว FINNOMENA Investment Team จึงยังคงแนะนำคงสัดส่วนการลงทุน

GCP

GCP ยังคงมีความผันผวนที่ต่ำเมื่อเทียบกับภาวะการลงทุนโดยรวมทั่วโลก โดยที่มีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวมประมาณ 26% ซึ่งเหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนแล้ว FINNOMENA Investment Team จึงยังคงแนะนำคงสัดส่วนการลงทุน

GAR

FINNOMENA Investment Team แนะนำคงสัดส่วนการลงทุนในพอร์ต GAR จากการกระจายการลงทุนที่หลากหลาย ประกอบไปด้วยทั้งสัดส่วนของหุ้น 70% แบ่งออกเป็น หุ้นเติบโต หุ้น Defensive และ หุ้นที่ได้รับผลเชิงบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นที่เรียบร้อย เมื่อประกอบกับสินทรัพย์อื่นๆ อย่างทองคำ REITs ไทย และตราสารหนี้ระยะสั้นซึ่งมีสภาพคล่องสูงเพื่อรองรับโอกาสที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

TOP5

FINNOMENA Investment Team แนะนำคงสัดส่วนการลงทุนในพอร์ต TOP5 จากการกระจายการลงทุนที่หลากหลาย ประกอบไปด้วยทั้งสัดส่วนของหุ้น 100% แบ่งออกเป็น หุ้นเติบโต หุ้น Defensive และ หุ้นที่ได้รับผลเชิงบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นที่เรียบร้อย เมื่อประกอบกับสินทรัพย์อื่นๆ อย่างทองคำ REITs ไทย และตราสารหนี้ระยะสั้นซึ่งมีสภาพคล่องสูงเพื่อรองรับโอกาสที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

All Balance

All Balance Port ซึ่งเป็นพอร์ตการลงทุนแบบ Strategic Asset Allocation ที่จัดสัดส่วนการลงทุนด้วย  Black-Litterman Model หัวใจของ FINNOMENA Robo-Advisor ที่ผสมผสานระหว่างโมเดลทางคณิตศาสตร์ที่ช่วยคำนวณค่าสถิติในอดีต กับ มุมมองการลงทุนในอนาคตจากผู้แนะนำการลงทุนมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน FINNOMENA Investment Team จึงแนะนำคงสัดส่วนการลงทุน

RIS

RIS ยังคงมีความผันผวนที่ต่ำเมื่อเทียบกับภาวะการลงทุนโดยรวมทั่วโลก อีกทั้งยังสามารถสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอแต่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 3-3.50% ต่อปีเล็กน้อย ซึ่ง FINNOMENA Investment Team มีมุมมองว่าการจ่ายกระแสเงินสดจะกลับเข้าสู่ระดับปรกติอีกครั้ง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั้งไทยและสหรัฐฯ มีเสถียรภาพมากขึ้น จึงยังคงแนะนำคงสัดส่วนการลงทุน

FINNOMENA Investment Team

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัว ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”