เช้าวันนี้ (28 พ.ย.) ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้น 2.5% ต่อจากวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยตอบรับปัจจัยเชิงบวกจากการที่ตลาดหุ้นเวียดนามกลับเข้าเป็นสมาชิกของ WFE (World Federation of Exchanges) หลังจากการปรับโครงสร้างโดยการควบรวมตลาดหุ้น HNX และ HOSE เข้าด้วยกันและความกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่อนคลายลง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารและประกัน ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2.2% หุ้นกลุ่มอสังหาปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 3.0%
ขณะเดียวกัน Hang Seng Index และ SZSE Composite Index เปิดตลาดปรับตัวย่อลงมาแรงถึง 3% นำโดยกลุ่มธนาคารและประกันภัย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในตลาดต่างปรับตัวย่อลงพร้อมกันราว 4% เช่น Ping An Insurance ปรับตัวลงถึง -7.87%, AIA Group ปรับตัวลง 5.70% และตามมาด้วยกลุ่มเทคโนโลยที่ปรับตัวลงราว 3% นำโดย Tencent ปรับตัวลง 3.22%, Meituan ปรับตัวลง 3.07%, Xioami ปรับตัวลง 4.32% และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆที่ปรับตัวลงราว 3-5%
โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบในเช้าวันนี้เกิดจากตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่ ทะลุ 30,000 ราย ทำสถิติสูงสุดติดต่อกันในช่วง 4 วันที่ผ่านมา และการออกมาประท้วงของประชาชนต่อมาตรการ Zero-Covid ในหลายหัวเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ นานจิง อีกทั้งยังมีการเรียกร้องให้ประธานาธิบดี Xi Jinping ก้าวลงมาจากตำแหน่ง
FINNOMENA Investment Team มองว่าตลาดหุ้นเวียดนามเริ่มมีทิศทางเชิงบวกในระยะสั้นมากขึ้น หลังจากเผชิญปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่องของหุ้นกลุ่มอสังหาฯ และคุณภาพสินเชื่อของกลุ่มการเงิน และแรงกดดันในภาคอสังหาริมทรัพย์เบาบางลงอย่างชัดเจนหลังจากแรงขายในกลุ่มนี้เบาบางลง โดยในระยะสั้น FINNOMENA Investment Team จะจับตามราคาปิดในวันนี้และจะส่งสัญญาณเข้าลงทุนตามปัจจัยทางเทคนิคให้กับนักลงทุนทราบ และสำหรับในระยะยาวสามารถทยอยสะสมได้อย่างต่อเนื่อง จากมุมมองด้านศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจ ปัจจัยพื้นฐานที่ยังคงแข็งแกร่ง อีกทั้งระดับ Valuation อยู่ในระดับที่ถูกเมื่อเทียบกับหุ้นโลก โดยปัจจุบัน P/E 12M ของตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ที่ 8.3 เท่า หรือ -2.9 S.D. ในรอบ 10 ปี รวมไปถึงแรงเข้าซื้อสะสมของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มเติม ซึ่งสะท้อนผ่านทาง Foreign Limit ของหุ้นต่าง ๆ ยังคงเต็มและมีค่า Premium ในระดับสูง
ด้านมุมมองต่อตลาดหุ้นจีน มองว่าจะเผชิญความผันผวนจากปัจจัยของแรงกดดันทางการเมืองภายในประเทศและความไม่แน่นอนของการใช้มาตรการควบคุม Covid-19 หลังเผชิญกับความไม่พอใจของประชาชนต่อนโยบายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม Valuation ของหุ้นจีนหลาย ๆ ดัชนีอยู่ในระดับที่ถูก โดยเฉพาะในดัชนี Hang Seng Index ที่อยู่ในระดับ Deep Discount แต่จากสถิติในอดีตมักเป็นจุดสะสมที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ทั้งนี้ในระยะสั้นแนะนำให้ให้รอปัจจัยบวก เนื่องจากตลาดหุ้นจีนยังคงมีความผันผวน จนกว่าจะเห็นความชัดเจนของการดำเนินมาตรการ Zero Covid หลังจากนี้ ส่วนการลงทุนระยะยาว ที่เน้นพิจารณาจากปัจจัยเชิงมูลค่า สามารถทยอยสะสมได้ ในกองทุนหุ้นจีนต่าง ๆ ซึ่งมักมีค่า Correlation กับดัชนี Hang Seng อาทิ K-CHINA-A(A), P-CGREEN
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel