เดโมแครตชนะการเลือกตั้ง สว. ตามคาด หนุนโจ ไบเดนได้ Blue Sweep: ส่งผลต่อการลงทุนอย่างไร?

ผ่านพ้นกันมาเป็นที่เรียบร้อยกับหนึ่งในสถานการณ์สำคัญที่ทั่วโลกต่างจับตามองในเวลานี้ก็คือการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ณ รัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นรัฐเดียว และ รัฐสุดท้ายที่ยังคงมีการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ 2 ตำแหน่ง  ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทิศทางการดำเนินนโยบายภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และความยากง่ายในการผ่านร่างกฎหมายอย่างมีนัยสำคัญ

เดโมแครตชนะการเลือกตั้ง สว. ตามคาด หนุนโจ ไบเดนได้ Blue Sweep : ส่งผลต่อการลงทุนอย่างไร?

รูปที่ 1 ผลการเลือกตั้งทั่วไปสหรัฐฯ 2020 : Source BBC

เนื่องจากผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการทั่วสหรัฐฯ ที่ผ่านมานั้น ประกาศออกมาว่านายโจ ไบเดนได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป แทนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีคนก่อนหน้า ซึ่งมาพร้อมด้วยสภาล่างหรือสภาผู้แทนราษฏร ด้วยคะแนน 222 ต่อ 210 เสียง ขณะที่ในส่วนของสภาบน หรือ วุฒิสภานั้นผลประกาศออกมาที่เดโมแครต 46 เสียง  รีพลับลิกัน 50 เสียง และ วุฒิสมาชิกอิสระ ซึ่งมีแนวความคิดเอนเอียงมาทางพรรคเดโมแครต 2 เสียง จากทั้งหมด 100 เสียง หรืออยู่ในสภาวะ Split Congress ที่หมายถึงการที่พรรคเดโมแครตของนายโจ ไบเดนนั้นไม่ได้ครองทั้ง 2 สภา

เมื่อผลการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกในรัฐจอร์เจียไม่พลิกโผไปจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์และโพลล์สำรวจจากสำนักต่างๆ ที่คาดการณ์ไว้ว่าชัยชนะจะตกเป็นของ Jon Ossof และ นาย Raphael Warnock ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต

ส่งผลให้คะแนนเสียงในวุฒิสภาจากเดิมที่ 46 : 50 : 2 เสียงนั้น เพิ่มขึ้นสู่ระดับที่ 48 : 50 : 2 เสียง ซึ่งหากรวมเสียงของวุฒิสมาชิกอิสระทั้ง 2 ท่านเข้าไปในฝั่งเดโมแครต จากแนวความคิดที่นิยมเดโมแครต จะส่งผลให้คะแนนเสียงระหว่างพรรคเดโมแครต และรีพลับลิกันเสมอกันที่ 50 : 50 เสียง

ซึ่งคะแนนที่เสมอกันนี่เองจะส่งผลให้นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่งสามารถใช้สิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงชี้ขาดมติใดๆ ก็ตามที่คะแนนเสียงเสมอกันได้ ส่งผลให้สถานะการนำของนายโจ ไบเดนในสมัยแรกนี้เปลี่ยนไปจาก Split Congress สู่สถานะเสมือน Blue Sweep ที่หมายถึงพรรคเดโมแครตของนายโจ ไบเดนนั้น ครองทั้ง 2 สภาแทน

ส่งผลให้ทั้งในระดับการกำหนดนโยบายและการผ่านร่างกฎหมายนั้น พรรคเดโมแครตของนายโจ ไบเดน จะเป็นไปได้อย่างราบรื่น และรวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากมีโอกาสจะถูกทัดทานโดยทั้ง 2 สภาต่ำลง

เดโมแครตชนะการเลือกตั้ง สว. ตามคาด หนุนโจ ไบเดนได้ Blue Sweep : ส่งผลต่อการลงทุนอย่างไร?

รูปที่ 2 ผลการเลือกตั้งทั่วไปวุฒิสมาชิกรัฐจอร์เจีย  2020 : Source BBC 

สาเหตุของการเลือกตั้งใหม่

ซึ่งสาเหตุของการเกิดการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจียครั้งนี้ มาจากระบอบการปกครองของสหรัฐฯ ที่ให้อำนาจรัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละรัฐ สามารถกำหนดกฎหมายเพื่อใช้ในกิจการภายในได้อย่างอิสระ โดยไม่ขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญ และกฎหมายของรัฐบาลกลาง ซึ่งในรัฐจอร์เจียนั้น ได้กำหนดเงื่อนไขในการชนะการเลือกตั้งเอาไว้ว่าในกรณีที่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น และผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงอันดับ 1 ไม่สามารถครองเสียงมากกว่า 50% ได้ จะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง โดยจัดให้เป็นการชิงตำแหน่งกันระหว่างอันดับที่ 1 และ อันดับที่ 2 เพื่อหาผู้ชนะการเลือกตั้งที่แท้จริง

โดยที่ผลการเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าทั้ง 2 ตำแหน่งที่ต้องเลือกตั้งนั้น ไม่มีผู้ชนะที่มีคะแนนเกินกว่า 50% ตามเกณฑ์ดังกล่าวได้ จึงทำให้ต้องเกิดการเลือกตั้งครั้งสำคัญครั้งนี้ขึ้นมา

เดโมแครตชนะการเลือกตั้ง สว. ตามคาด หนุนโจ ไบเดนได้ Blue Sweep : ส่งผลต่อการลงทุนอย่างไร?

รูปที่ 3 ประวัติผลการเลือกตั้งสส. และ สว. ในรัฐจอร์เจีย 1900 – 2020 : Source BBC

เมื่อพิจารณาจากอดีตจะพบว่าในช่วงปี 1900 ถึง 1960 นั้น จอร์เจียจะเป็นฐานที่มั่นหลักของเดโมแครต มาอย่างยาวนาน จากการเป็นเมืองริมชายหาดซึ่งมีความมั่งคั่งสูง และมีปริมาณของประชากรผิวขาวสูงในเวลานั้น แต่เมื่อทิศทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีของพรรคเดโมแครตในช่วง 1960 – 1970 ที่ให้ความสำคัญความเท่าเทียมกันของประชากรทุกเชื้อชาติมากขึ้น ส่งผลให้ความนิยมในรัฐจอร์เจียของพรรคเดโมแครตจึงลดลง และเข้าสู่ยุคของพรรครีพลับลิกันครองคะแนนเสียงในรัฐจอร์เจียนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เดโมแครตชนะการเลือกตั้ง สว. ตามคาด หนุนโจ ไบเดนได้ Blue Sweep : ส่งผลต่อการลงทุนอย่างไร?

รูปที่ 4  ประวัติผลการเลือกตั้งสส. และ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ. ในรัฐจอร์เจียปี  2020 : Source BBC

อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 และ ท่าทีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ที่ไม่เป็นที่นิยมนัก ส่งผลให้ผลสำรวจ และ ผลการเลือกตั้งทั่วไปในสหรัฐฯ ครั้งที่ผ่านมานั้น พรรคเดโมแครตของนายโจ ไบเดนมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ๆ ที่มีประชากรเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้นายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจียในครั้งนี้แม้จะชนะการเลือกตั้งน้อยเขตกว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ตาม

โดยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อการลงทุนหากพรรคเดโมแครตสามารถชนะการเลือกตั้งได้ทั้ง 2 ที่นั่งแบ่งออกได้ดังนี้

ต่อนโยบายเศรษฐกิจหลังจากนี้

นายโจ ไบเดน ในฐานะว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ รวมถึงพรรคเดโมแครต แสดงเจตนาชัดเจนที่ต้องการจะผ่านร่างนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ฝั่งพรรครีพลับรีกัน เห็นต่างออกไปว่า หากอนุมัติวงเงินที่มากจนเกินไป จะมีผลต่ออัตราหนี้สินที่สูงขึ้น กระทบต่อเสถียรภาพการคลังในระยะยาว ส่งผลให้การผ่านนโยบาย 2 ล้านล้านดอลลาร์เป็นไปได้ยากอย่างที่เราเห็นมาในไตรมาส 4/2020

จากการคาดการณ์ของ Bloomberg ถ้า Democrats ชนะ 2 ที่นั่งของการเลือกตั้งใหม่ โอกาสที่จะผ่านร่างนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจาก 7.5 แสนล้านดอลลาร์ที่เพิ่งผ่านร่างไปเมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์

ดอลลาร์ มีแนวโน้มอ่อนค่าลงเนื่องจากการคาดหวังของเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นรับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเพิ่ม ถ้าดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงอาจหนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้นเพื่อทดสอบ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ต่อตลาดหุ้น

หุ้นกลุ่มวัฏจักร (Value stock/Cyclical stock) ที่ถูกกดดันจากการระบาดระลอกใหม่ในสหรัฐ มีแนวโน้มจะกลับมา outperformed โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร พลังงาน ก่อสร้าง และ อสังหาริมทรัพย์ เช่นเดียวกันกับหุ้นในกลุ่ม ESG ที่ได้รับผลเชิงบวกจากนโยบายสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่ส่งเสริมความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สวนทางกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ที่อาจถูกกดดันโดยความตั้งใจการใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดที่มีแนวโน้มเป็นไปได้มากขึ้น และง่ายขึ้น

ต่อตราสารหนี้

อัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรรัฐบาลมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นทดสอบระดับ 1.0% จากความคาดหวังอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นสร้างแรงกดดัน อย่างไรก็ตามเรามีมุมมองว่าการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนมี downside จำกัด เนื่องจาก FED มีนโยบายในการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลด้วยวงเงิน 120,000 ล้านดอลลาร์เพื่อไม่ให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินของรัฐบาลสูงเกินไป

FINNOMENA Investment Team มีมุมมองโดยรวมว่า

  • ถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้เกิด Blue Sweep มีโอกาสที่เศรษฐกิจจริง (Real Sector) จะได้รับประโยชน์จากนโยบายการคลังที่จะถูกผลักดันออกมาได้ตามนโยบายเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้แนวโน้มของเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ในบางรัฐจะมีการ lockdown
  • คาดว่า KT-FINANCE จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจริง เนื่องจากมีสัดส่วนหุ้นกลุ่มธนาคาร 24% ที่จะได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของสินเชื่อและหนี้เสียที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงหากเศรษฐกิจฟื้น ทั้งนี้เมื่อคืนที่ผ่านมา Financial Sector ปรับตัวขึ้น +4.4% ตอบรับคาดการณ์ผล Blue Sweep ไปก่อนแล้ว
  • Blue Sweep ส่งผลให้ความเป็นได้ในการออกกฎหมายเกี่ยวกับการผูกขาดด้านการค้ากลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อ KFGBRAND-A ที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เช่น Microsoft อย่างไรก็ตาม KFGBRAND มีสัดส่วนในหุ้นบริษัทอื่นๆที่เกี่ยวกับด้านการบริโภค คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายการคลังที่จะถูกผลักดันออกมาเพิ่มเติม ชดเชยผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าว แต่เราจะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหลังจากนี้
  • ด้วยปัจจัยดังกล่าวอาจกดดันให้ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลได้รับผลกระทบจากการปรับตัวขึ้นของความคาดหวังเงินเฟ้อ แต่อย่างไรก็ตาม KKP G-UBOND-H ยังมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนใน High Yield Grade และ Investment Grade ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนชดเชยส่วนของพันธบัตรรัฐบาลได้
  • ขณะที่ในด้านกองทุนหุ้นจีนและตลาดเกิดใหม่นั้น มีโอกาสได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ในกรณีของหุ้นตลาดเกิดใหม่ มีโอกาสที่จะได้รับผลเชิงบวกมากขึ้น จากความสามารถในการบรรลุข้อตกลงระหว่างประเทศที่รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเป็น 1 ในนโยบายที่สำคัญเพื่อสร้างพันธมิตรกดดันประเทศจีน ส่งผลให้กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก และมีโอกาสเข้าร่วมความร่วมมือทางการค้าต่างๆ จะได้รับผลเชิงบวกมากขึ้น
  • อย่างไรก็ตาม การที่จีนพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเร่งการเติบโตของกลุ่มเทคโนโลยี และการลดการพึ่งพาต่างประเทศ เมื่อประกอบกับศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งจากมาตรการการเงินและการคลังที่ยังมีอยู่อีกมาก จะช่วยลดแรงกดดันต่อท่าทีแข็งกร้าวดังกล่าวได้

โดยรวมแล้วพอร์ตการลงทุนของ FINNOMENA มีน้ำหนักการลงทุนทั้งในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นที่ทั้งได้รับประโยชน์ และ ถูกกดดันโดยสภาวะ Blue Sweep เมื่อประกอบกับสินทรัพย์อื่นๆ ที่กระจายการลงทุน อาทิ ทองคำ ตราสารหนี้ และ REITs FINNOMENA Investment Team มีมุมมองว่าพอร์ตการลงทุนจะยังคงสามารถสร้างผลตอบแทนโดยรวมให้เติบโตได้ตามสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้อย่างมั่นคงต่อไป 

FINNOMENA Investment Team


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน |  ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน I สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

TSF2024