จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการเงินสดของตลาดการเงินและการลงทุนทั่วโลก รวมไปถึงในตลาดการเงินและการลงทุนของไทยด้วย ทำให้เกิดการเทขายกองทุนตราสารหนี้ และตราสารหนี้เอกชนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้ไทยมีความผันผวน
ในช่วงเวลาดังกล่าว FINNOMENA Investment Team แนะนำให้ปรับลดสัดส่วนการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ได้รับผลกระทบเชิงลบและย้ายการลงทุนเข้าไปยังกองทุนตลาดเงิน ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนในตั๋วเงินคลังและเงินฝากเป็นหลัก
รูปที่ 1 เปรียบเทียบเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (Bond Yield) I Source : Bloomberg As of 24/8/2020
เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าว ธนาคารกลางแห่งประเทศไทยได้ออกมาตรการกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้ (BSF) ช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่อสถานการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงก่อนหน้านี้ ประกอบกับสถานะการเงินของประเทศไทยที่มีความมั่นคงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจต่อตลาดตราสารหนี้ไทยเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
รูปที่ 2 เปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท/ดอลลาร์ I Source : Bloomberg As of 24/8/2020
ความมั่นใจสะท้อนออกมาผ่านอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรไทยที่ลดลงหลังพุ่งขึ้นไปในช่วงการแพร่ระบาด นอกจากนี้การแข็งค่าของเงินบาทยังเป็นอีกสิ่งที่สะท้อนทั้งความมั่นใจและเม็ดเงินจากต่างชาติต่อตลาดตราสารหนี้ไทย
ด้วยเหตุผลดังกล่าว FINNOMENA Investment Team จึงแนะนำให้นักลงทุนสับเปลี่ยนการลงทุนไปยังกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น KFSMART แทนกองทุนตลาดเงิน
FINNOMENA Investment Team
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต