วอร์เรน บัฟเฟต และประวัติชีวิตโดยสังเขป

คงไม่มีนักลงทุนคนไหนในโลกที่ไม่รู้จักวอร์เรน บัฟเฟต มหาเศรษฐีที่เคยขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกโดยความมั่งคั่งทั้งหมดมาจากการลงทุนเพียงอย่างเดียว ประวัติชีวิตของวอร์เรน บัฟเฟตเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะประมาณหนึ่ง แต่เขาก็ปฎิเสธจะรับมรดก และเลือกที่จะสร้างความมั่งคั่งของเขาทั้งหมดด้วยมือของเขาเอง

1930
เกิดวันที่ 30 สิงหาคม ที่เมืองโอมาฮ่า รัฐเนบราสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา พ่อของบัฟเฟตทำงานที่โบรคเกอร์ซื้อขายหุ้น บัฟเฟตเป็นลูกผู้ชายคนเดียวท่ามกลางพี่สาวและน้องสาวอย่างละ 1 คน

1941
เริ่มซื้อหุ้น City Service เป็นหุ้นตัวแรกในชีวิตโดยใช้เงินตนเองกับพี่สาว เขาซื้อที่ราคา 38 เหรียญ ก่อนที่หุ้นจะตกไปที่ 27 เหรียญอย่างรวดเร็ว เมื่อราคาเด้งขึ้นมา 40 เหรียญจึงกดขาย ผ่านไปไม่นานราคาก็ไปถึงเกือบ 200 เหรียญ

1942
เขียนแบบจ่ายภาษีเป็นครั้งแรกในชีวิต รายได้ของเขามาจากการส่งหนังสือพิมพ์และขายโพยม้าแข่ง และบันทึกค่าจักรยาน 35 เหรียญเป็นค่าใช้จ่ายในการทำงาน

1942
ย้ายครอบครัวไปที่เวอร์จิเนียเพราะพ่อของเขาได้รับการเลือกตั้ง บัฟเฟตเข้าเรียนในโรงเรียน Woodrow Wilson ที่วอชิงตันดีซี ระหว่างมัธยมปลาย เขาและเพื่อนซื้อตู้เล่นพินบอลมาในราคา 25 เหรียญเพื่อนำไปตั้งในร้านตัดผมและแบ่งรายได้กับร้าน

1958
ถูกปฎิเสธการเข้าเรียนจากมหาวิทยาลัย Harvard จึงเข้าเรียนด้านธุรกิจที่ The University of Pennsylvania หลังจากเรียนได้ 2 ปีก็ย้ายไปศึกษาต่อที่ The University of Nebraska จนจบ

1951
เรียนจบปริญญาโทด้านการลงทุนจาก Columbia Business School ที่นั่นเขาได้พบกับอาจารย์เบนจามิน เกรแฮมซึ่งเป็นต้นแบบการลงทุนของเขา เขาออกมาทำงานโบรคเกอร์อยู่ 3 ปี และไปทำงานเป็นนักวิเคราะห์กับเบนจามิน เกรแฮมอีก 2 ปี

1956
ก่อตั้ง Buffett Partnership ที่โอมาฮ่าเพื่อระดมทุนมาลงทุนด้วยหลักการลงทุนที่ศึกษามาจากเบนจามิน เกรแฮม

1965
เข้าสะสมหุ้น Berkshire Hathaway (BRK) เพราะราคาต่ำมากและคาดว่าผู้บริหารจะซื้อหุ้นคืน แต่ผู้บริหารกลับผิดคำพูดโดยการซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่าที่บอก บัฟเฟตจึงซื้อหุ้นเพิ่มจนได้ครอบครองกิจการ

1969
เริ่มใช้ BRK ซื้อหุ้นเพื่อลงทุน เช่น หนังสือพิมพ์ The Washington Post บริษัทประกัน GEICO ธุรกิจน้ำมัน Exxon จนได้ชื่อว่า “ปราชญ์แห่งโอมาฮ่า”

1989
ลงทุนในบริษัท Coca-Cola มากจนได้ขึ้นเป็นคณะกรรมการบริษัท

2006
ประกาศจะบริจาคความมั่งคั่ง 85 เปอร์เซ็นต์ของตัวเองเพื่อการกุศล และคำประกาศนี้กลายเป็นการบริจาคที่มีมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา

2008
ขึ้นเป็นมหาเศรษฐีที่มีความมั่งคั่งสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก

2010
ร่วมกับบิลเกตส์ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อระดมเงินบริจาคไปทำการกุศล

2012
ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก เขาจึงเข้ารับการฉายรังสีในเดือนกรกฎาคมและรักษาเสร็จเรียบร้อยในเดือนพฤศจิกายน

2017
ยังคงนั่งเป็นผู้บริหารสูงสุดใน BRK และบอกกับทุกคนว่าเขาจะลงทุนไปจนกว่าวันสุดท้ายของชีวิต

การเดินทางของชีวิตปราชญ์แห่งโอมาฮ่าคนนี้เรียบง่าย เข้าใจได้ แต่เต็มไปด้วยความมานะพยายาม เขาเริ่มต้นการลงทุนทั้งหมดด้วยเงินเก็บจากธุรกิจในวัยเด็กของเขาเอง เช่น การปั่นจักรยานส่งหนังสือพิมพ์ การขายโพยแข่งม้า รวมไปถึงการตั้งตู้เล่นพินบอลในร้านตัดผม ชีวิตของเขาจึงกลายเป็นตำนานให้กับผู้ที่มีความฝันในใจว่าทุกคนก็สามารถเขียนเส้นทางชีวิตของตัวเองได้ เขียนอนาคตของตัวเอง เพราะแม้แต่มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกก็เริ่มต้นปาฏิหาริย์ของชีวิตด้วยการปั่นจักรยานส่งหนังสือพิมพ์

หวังว่าชีวิตของเขาจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคุณ

ลงทุนศาสตร์ – Investerest


ขอบคุณข้อมูลจาก biography.com
ขอบคุณรูปภาพจาก HBO ทาง youtube.com

TSF2024