10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหุ้น… PTT
1. PTT มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน รวมทั้งการทำธุรกิจพลังงานอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ภายใต้พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. 2535
2. ธุรกิจในเครือบริษัทประกอบไปด้วยธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ธุรกิจค้าปลีกผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและบริหารความยั่งยืน รวมไปถึงการลงทุนในบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมอื่น
3. ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของเครือ PTT ลงทุนผ่านบริษัท PTTEP เป็นหลัก โดย PTTEP เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งในรูปแบบน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ จากทั้งในและต่างประเทศ โดยรูปแบบรายได้และสัมปทานจะขึ้นอยู่กับกฎหมายของประเทศนั้นเป็นหลัก ในประเทศไทยธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ.2514
4. ผลประกอบการของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันในตลาดโลก ความสำเร็จในการสำรวจและพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม และการควบคุมต้นทุนในการผลิต โดยปรกติ รายได้ของบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมคือรายได้จากการขายน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ ดังนั้น ถ้าราคาน้ำมันดิบโลกและแก๊สธรรมชาติสูงมากขึ้น ธุรกิจดังกล่าวจะมีแนวโน้มที่จะมีผลประกอบการที่ดี
5. ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นของเครือ PTT ลงทุนผ่านบริษัทไทยออยล์ (TOP) ไออาร์พีซี (IRPC) สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) บางจาก ปิโตรเลียม (BCP) พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ (HMC) พีทีที อาซาฮี เคมิคอล (PTTAC) พีทีที เอ็มซีซี ไบโอเคม (PTTMCC) พีทีที พีเอ็มเอ็มเอ (PTTPMMA) พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง (PTTPM) และพีทีที โพลีเมอร์ โลจิสติกส์ (PTTPL) ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น ขั้นกลาง และเม็ดพลาสติกประเภทต่าง ๆ การดำเนินธุรกิจด้านการตลาดเพื่อจำหน่ายเม็ดพลาสติกทั้งในและต่างประเทศ
6. ผลประกอบการของธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นขึ้นอยู่กับค่าการกลั่น (Gross Refining Margin; GRM) ซึ่งเป็นส่วนต่างของราคาเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่กลั่นได้หักด้วยต้นทุนน้ำมันดิบเฉลี่ยที่ใช้กลั่นตามราคาตลาดโลก โดยค่าการกลั่นจะผันผวนไปตามหลักอุปสงค์อุปทานที่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมันโลก โดยถ้าราคาน้ำมันดิบโลกลดต่ำลง ธุรกิจปิโตรเลียมและการกลั่นจะได้ประโยชน์ในแง่ของต้นทุนที่ต่ำลง ธุรกิจดังกล่าวจะมีแนวโน้มที่จะมีผลประกอบการที่ดี
7. ธุรกิจค้าปลีกผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องของเครือ PTT ดำเนินกิจการผ่านบริษัท PTT เอง โดยผลิตภัณฑ์ที่ทำการค้าได้แก่ ผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิง ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น และผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้อง โดยขายให้กับลูกค้า 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ลูกค้ารายย่อย ลูกค้าธุรกิจจากทั้งภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงกลุ่มผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงตามพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง
8. ผลประกอบการของธุรกิจค้าปลีกผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมีทั้งส่วนที่ค่อนข้างคงที่และค่อนข้างผันผวน โดยส่วนที่ค่อนข้างคงที่ คือ ส่วนรายได้ที่มาจากการให้เช่าพื้นที่และธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น เช่น ร้านกาแฟ Café Amazon ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto ร้าน Daddy Dough ร้าน Texas Chicken ร้านสะดวกซื้อ Jiffy ร้านค้าสะดวกซื้อ 7-Eleven ร้าน Chester’s Grill ร้าน KFC ร้าน S&P และธุรกิจธนาคาร
9. ผลประกอบการของธุรกิจค้าปลีกผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องส่วนที่ค่อนข้างผันผวน คือ กำไรที่มาจากการค้าปลีกผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงซึ่งมักจะผันผวนไปตามราคาน้ำมันโลก เนื่องจากผลกำไรของการขายน้ำมันมักเป็นสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายมักจะคงที่มากกว่า ดังนั้น ถ้าราคาน้ำมันดิบโลกและแก๊สธรรมชาติสูงมากขึ้น รายได้จะเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายมีแนวโน้มคงที่ อัตราการทำกำไรจะสูงขึ้น ธุรกิจดังกล่าวจะมีแนวโน้มที่จะมีผลประกอบการที่ดี
10. ธุรกิจค้าปลีกผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงประเทศไทยได้รับอิทธิพลด้านราคาจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 ซึ่งกำหนดให้บริษัทค้าปลีกผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิง อันได้แก่ น้ำมันเบนซินออกเทน 95 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ น้ำมันก๊าด น้ำมันดีเซล และน้ำมันเตา จะต้องส่งเงินเข้าหรือได้รับเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้รัฐบาลสามารถควบคุมราคาน้ำมันให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์แก่ผู้บริโภค
ลงทุนศาสตร์ – Investerest