เวียดนามตั้งเป้า GDP โต 8%

นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม Pham Minh Chinh กล่าวว่ารัฐบาลจะมุ่งมั่นให้เศรษฐกิจเติบโตประมาณ 8% ในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐสภากำหนดไว้สำหรับปี 2025 อย่างมาก

2025 ปีแห่งการเร่งเครื่อง

แม้ว่าสภาแห่งชาติของเวียดนามจะกำหนดเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สำหรับปีหน้าไว้ที่ 6.5 – 7% แต่ Pham Minh Chinh ระบุว่ารัฐบาลมองปี 2025 เป็น “ปีแห่งการเร่งเครื่อง” และจะพยายามผลักดันการเติบโตให้ถึงประมาณ 8% โดยเน้นส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ควบคุมเงินเฟ้อ และรักษาการขาดดุลงบประมาณกับหนี้สาธารณะให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

Pham Minh Chinh คาดว่า GDP ของเวียดนามในปี 2024 จะเติบโตมากกว่า 7% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายอย่างเป็นทางการของรัฐบาลที่ 6.5% และตั้งเป้าเงินเฟ้อไว้ไม่เกิน 4% ตามข้อมูลในแถลงการณ์ 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังคาดว่ามูลค่าการนำเข้าและส่งออกรวมทั้งสินค้าและบริการในปีนี้จะสูงถึง 807,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 27,800 ล้านล้านบาท) ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่

ตั้งเป้าเติบโต Double-Digit

รัฐบาลเวียดนามระบุว่าปีหน้าจะสร้างแรงผลักดันเพื่อให้การเติบโตทางเศรษฐกิจแตะระดับสองหลัก (Double-Digit Growth) ในช่วงปี 2026 – 2030 พร้อมมุ่งมั่นดำเนินโปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ให้เสร็จ เช่น การก่อสร้างทางด่วนยาว 3,000 กิโลเมตร และการสร้างสนามบินนานาชาติลองแถ่ง (Long Thanh International Airport) ในเฟสแรกให้เสร็จในระดับ “พื้นฐาน”

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลย้ำว่าจะผลักดันการเติบโตอย่างจริงจังให้ถึง 7% ในปี 2024 และเร่งการเบิกจ่ายงบลงทุนสาธารณะที่ยังล่าช้ากว่าเป้าหมายปีนี้ โดยยอดการใช้จ่ายในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2024 อยู่ที่เพียง 52.29% ของแผนการลงทุนทั้งหมด 

ทุ่ม 2.3 ล้านล้านสร้างรถไฟความเร็วสูง

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เวียดนามเตรียมพัฒนาทางรถไฟความเร็วสูงมูลค่า 67,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท) เชื่อมระหว่างฮานอยและโฮจิมินห์ ระยะทางกว่า 1,500 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยลดเวลาการเดินทางจาก 30 ชั่วโมงเหลือเพียง 5 ชั่วโมง ถือเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะเพิ่มศักยภาพการขนส่ง ลดต้นทุน อีกทั้งยังช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติอีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญมองว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเวียดนาม โดยเพิ่ม GDP เฉลี่ย 0.97% ต่อปี และเสริมบทบาทในห่วงโซ่อุปทานโลก แม้โครงการนี้จะเคยถูกยกเลิกในปี 2010 เนื่องจากต้นทุนสูง แต่ปัจจุบันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความคืบหน้าในโครงการลักษณะนี้มากขึ้น ทั้งนี้ โครงการจะเริ่มในปี 2027 และคาดเสร็จในปี 2035

กองทุนหุ้นเวียดนาม แนะนำโดย Finnomena Funds

เวียดนามเป็นตลาดที่ถูกและดี ประกอบกับการมาของ Trump เร่งให้เกิด China+1 ในการย้ายฐานการผลิตบางส่วนออกจากจีนเร็วขึ้น ซึ่งเวียดนามคือหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ ที่สำคัญก็ยังมีปัจจัยหนุนอื่น ๆ เช่น ความคืบหน้าเตรียมเข้าสู่ EM Market ของดัชนี FTSE ในปี 2025 และการถูกปรับประมาณกำไรเพิ่มเติม

สำหรับการลงทุนในหุ้นเวียดนาม Finnomena Funds แนะนำ 2 กองทุนดังนี้

  1. PRINCIPAL VNEQ-A 

กองทุนหุ้นเวียดนามที่เน้นการลงทุนระยะยาวในกลุ่มที่มีการเติบโตสูง ตามการพัฒนาของประเทศ ใช้กลยุทธ์ Core-Satellite Port เน้นผลตอบแทนระยะยาว และมีการสับเปลี่ยนหุ้นบางส่วนตามสภาวะตลาดเพื่อเพิ่มผลตอบแทนระยะสั้น 

  1. KKP VGF-UI (*ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย กองทุนรวมที่เสนอขายผู้ลงทุนสถานบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน)

กองทุนหลักจดทะเบียนในประเทศเวียดนาม และมีการบริหารแบบ Active Management ซึ่งสามารถลงทุนในหุ้นรายตัวโดยไม่มีข้อจำกัด Foreign Ownership Limit (FOL) นอกจากนี้ทีมบริหารกองทุนยังเป็นชาวเวียดนาม ช่วยทลายข้อจำกัดด้านภาษาทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น 

อ่านคำแนะนำการลงทุนเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.finnomena.com/opportunity-hub/investment-call


อ้างอิง: Bloomberg, The Jakarta Post

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

TSF2024