ในช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ Donald Trump ได้ประกาศประกาศแผนเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10% และสินค้าทุกประเภทจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% ทำให้ตลาดการเงินปั่นป่วนทันที โดย Trump ระบุว่า การตัดสินใจนี้เป็นมาตรการที่จำเป็นในการควบคุมการลักลอบนำเข้าแรงงานผิดกฎหมายและยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ
ตลาดการเงินผันผวน
หลังจากการประกาศภาษีใหม่ ค่าเงินดอลลาร์แคนาดาได้ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่เงินเปโซของเม็กซิโกก็อ่อนค่าลงใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2022 และเงินหยวนของจีนก็อ่อนค่าลงเล็กน้อยในตลาดต่างประเทศ สะท้อนถึงความวิตกกังวลของตลาดที่มีต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจจากนโยบายภาษีใหม่
สกัดปัญหายาเสพติค
ทั้งนี้ Trump กล่าวว่า ภาษีดังกล่าวมีเป้าหมายในการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติด โดยเฉพาะเฟนทานิล (Fentanyl) ซึ่งเขาโทษจีนว่าไม่ปฏิบัติตามคำสัญญาที่จะลงโทษผู้ค้ายาดังกล่าว
พร้อมระบุว่า “ยาเสพติดกำลังหลั่งไหลเข้าประเทศของเราในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะจากเม็กซิโก” สะท้อนให้เห็นว่าการเพิ่มภาษีนี้จะยังมีผลบังคับใช้จนกว่าปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไข
การตอบโต้จากจีนและแคนาดา
จีนได้ออกแถลงการณ์ผ่านโฆษกสถานทูตในสหรัฐฯ ว่า การทำสงครามการค้าไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น และผลกระทบจากการเก็บภาษีนั้นไม่เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ประเทศ
ขณะที่นายกรัฐมนตรีแคนาดา Justin Trudeau ได้ติดต่อพูดคุยทางโทรศัพท์กับว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump เพื่อหารือเกี่ยวกับความมั่นคงทางพรมแดนและการค้า
โดย Trudeau ชี้ให้ Trump เห็นว่าจำนวนผู้อพยพที่ข้ามพรมแดนจากแคนาดาเข้าไปยังสหรัฐฯ นั้นน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผู้อพยพจากเม็กซิโก
นอกจากนี้ แคนาดายังได้แสดงความพร้อมในการทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดและความมั่นคงชายแดน
ตัวเลขส่งออกจากแคนาดาไปสหรัฐฯ | Source: Bloomberg, Statistic Canada as of 26/11/24
การเก็บภาษีนำเข้า 25% จากสินค้านำเข้าทั้งหมดจากแคนาดาจะสร้างแรงกดดันต่อต้นทุนพลังงาน น้ำมัน ก๊าซ และผลิตภัณฑ์พลังงานอื่น ๆ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของแคนาดาไปยังสหรัฐฯ และแคนาดายังเป็นแหล่งจำหน่ายน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดให้กับสหรัฐอเมริกา
Wilbur Ross อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในสมัย Trump 1.0 กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บภาษีนำเข้าจากพลังงานของแคนาดา
“เพราะการทำเช่นนั้นจะเป็นเพียงแค่การเพิ่มต้นทุนโดยไม่ได้ช่วยสร้างงานให้ชาวอเมริกันแต่อย่างใด”
อำนาจเศรษฐกิจ = อำนาจการเมือง
การประกาศเก็บภาษีนำเข้าของ Trump ครั้งนี้ ได้เปลี่ยนเครื่องมือทางเศรษฐกิจให้กลายเป็นอาวุธทางการทูตที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้ภาษีเป็นเครื่องมือกดดัน ต่อรอง และบังคับให้ประเทศอื่น ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามความต้องการของสหรัฐฯ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง การค้ายาเสพติด และการควบคุมการเข้าเมือง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดว่า
“อำนาจทางเศรษฐกิจ คือ อำนาจทางการเมือง”
นโยบายตั้งกำแพงภาษีของ Trump อาจส่งผลดีต่อหุ้นขนาดกลางและเล็กในสหรัฐฯ โดยการเพิ่มภาษีทำให้สินค้านำเข้ามีราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าจากบริษัทในประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจขนาดกลางและเล็กมีโอกาสขยายตลาดภายในประเทศได้มากขึ้น
กองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก แนะนำโดย Finnomena Funds
Finnomena Funds แนะนำ ASP-USSMALL-A กองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็กในสหรัฐฯ ที่เน้นลงทุนในอุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น ธุรกิจการเงิน ทำให้ได้รับประโยชน์จากนโยบาย Trump ที่เตรียมลดภาษีนิติบุคคล หนุนบริษัทเอกชนในประเทศ ตามคำแนะนำ FundTalk Call
อ้างอิง: Bloomberg
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299