ASP-ThaiESG กองทุนหุ้นดี ลดหย่อนภาษีได้ด้วย

Highlight (คลิกเลือกหัวข้อที่สนใจได้เลย)


นับเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่สนใจวางแผนภาษีพร้อมรับโอกาสจากการลงทุน เมื่อกรมสรรพากรประกาศเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีจากเดิม 100,000 บาท เป็น 300,000 บาท และลดระยะเวลาการถือครองจาก 8 ปี เหลือเพียง 5 ปี สำหรับกองทุนรวม Thai ESG ที่นอกจากจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนแล้ว ยังมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่น่าสนใจ

ทำไมต้อง Thai ESG?

ทำไมต้อง Thai ESG

ผลตอบแทนย้อนหลังดัชนี SET ESG | Source: Asset Plus, Bloomberg as of 28/12/23
*คำเตือน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

1. สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่คุ้มค่า

กองทุนรวม Thai ESG มอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่คุ้มค่าให้แก่นักลงทุน โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ ประหยัดภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถใช้สิทธิ์ร่วมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอื่น ๆ เช่น SSF และ RMF ได้อีกด้วย

2. มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ยั่งยืน

กองทุนรวม Thai ESG เน้นการลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงและมีการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยผลการดำเนินงานของดัชนี ESG Thailand ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2019-2023) มีโอกาสให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่สามารถแข่งขันได้กับดัชนี SET Index ขณะที่มีความเสี่ยงในการลงทุนต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นทั่วไป เนื่องจากบริษัทที่ผ่านเกณฑ์ ESG มักมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี

3. เงื่อนไขมีความยืดหยุ่น

กองทุนรวม Thai ESG มีเงื่อนไขการถือครองที่ยืดหยุ่นกว่ากองทุนรวม SSF และไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปีเหมือนกองทุนรวม RMF จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนภาษีแบบปีต่อปี

ASP-THAIESG กองทุนเด่นที่คัดเลือกโดย Finnomena

กองทุน ASP-THAIESG ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Finnomena Pick ด้วยจุดเด่นสำคัญในการลงทุนที่มุ่งเน้นหุ้นไทยคุณภาพ โดยกองทุนจะเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์ SET และ/หรือ mai ที่ได้รับการจัดอันดับ SET ESG Rating ระดับ BBB ขึ้นไป 

จุดแข็งสำคัญของกองทุนอยู่ที่ผู้จัดการกองทุน ‘คุณทิพย์วดี อภิชัยสิริ’ ผู้มีประสบการณ์อันยาวนานในการบริหารกองทุนหุ้นไทย โดยมีผลงานที่โดดเด่นผ่านการบริหารกองทุน ASP-SME มาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บลจ. แอสเซท พลัส (Asset Plus Fund Management) ยังมีความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) ที่โดดเด่น สะท้อนผ่านความสามารถในการบริหารกองทุนหุ้นไทยให้มีผลการดำเนินงานที่สามารถเอาชนะตลาดได้ในระยะยาว ทำให้กองทุนนี้ได้รับการคัดเลือกเป็น Finnomena Pick

จุดเด่นกองทุน ASP-THAIESG

ASP-THAIESG เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยกระบวนการคัดเลือกหุ้นที่เข้มงวด ผ่านเกณฑ์ SET ESG Ratings ที่เป็นมาตรฐานสากล และกลยุทธ์ Positive Screening ที่มุ่งเน้นการเลือกบริษัทที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ASP-THAIESG ยังใช้ Investment Scorecard ในการวิเคราะห์และประเมินคุณภาพบริษัทเชิงลึก เพื่อเฟ้นหาหุ้นตัวท็อปเข้าพอร์ตการลงทุน

กระบวนการคัดเลือก SET ESG Ratings

ในการคัดเลือกหุ้น SET ESG Ratings จะมีการพิจารณาผ่านเกณฑ์คัดกรองเบื้องต้นที่สำคัญ 2 ด้าน ดังนี้ 

  1. เกณฑ์การตอบแบบประเมินความยั่งยืน ซึ่งต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 50% ในแต่ละมิติ โดยมีการถ่วงน้ำหนักตามความสำคัญของแต่ละอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มธุรกิจที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จะถูกคำนวณน้ำหนักเพิ่มขึ้นในหมวดสิ่งแวดล้อม
  2. เกณฑ์คุณสมบัติ ที่ครอบคลุมทั้งคุณภาพการรายงานด้านบรรษัทภิบาล ผลประกอบการทางการเงิน การกำกับดูแลกิจการ รวมถึงต้องไม่มีประวัติการถูกลงโทษในประเด็น ESG และไม่ถูกขึ้นเครื่องหมาย C

กลยุทธ์การลงทุน

กลยุทธ์การลงทุนของ Thai ESG

กลยุทธ์การลงทุนของ Thai ESG | Source: Asset Plus Fund Management 08/24

กองทุนรวม Thai ESG มีหลักการคัดเลือกหลักทรัพย์อยู่ 3 รูปแบบ ได้แก่ 

  1. Negative Screening เพื่อคัดหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ออก
  2. Positive Screening เพื่อคัดเลือกเฉพาะหลักทรัพย์ที่มีการดำเนินงานตามเกณฑ์อย่างครบถ้วน 
  3. Norm-Based Screening ที่พิจารณาตามมาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล เช่น UN Global Compact และมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนและแรงงาน

โดยกองทุน ASP-THAIESG ใช้กลยุทธ์การคัดเลือกหลักทรัพย์และการลงทุนแบบ Positive Screening เพื่อให้ได้หลักทรัพย์ที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับหลักการลงทุนอย่างยั่งยืน

หลังจากนั้น กองทุนได้ใช้กระบวนการ ESG Integration โดยวิเคราะห์ข้อมูลทั้งด้านการเงินและความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งใช้กลยุทธ์ Thematic ที่เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนเฉพาะด้าน และ Impact Investing ที่มุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการสร้างโอกาสรับผลตอบแทน ทำให้กองทุนมีการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์การลงทุนอย่างยั่งยืนได้อย่างครบถ้วน

การวิเคราะห์และประเมินคุณภาพบริษัทเชิงลึก

Investment Scorecard

Investment Scorecard | Source: Asset Plus Fund Management as of 08/24

การวิเคราะห์และประเมินคุณภาพบริษัทด้วย Investment Scorecard เป็นกระบวนการที่มีความเข้มข้นและเป็นระบบเพื่อเฟ้นหาหุ้นตัวท็อปเข้าพอร์ตการลงทุน

โดยเริ่มจากการพิจารณาบริษัทจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai ที่มีมากกว่า 600 บริษัท จากนั้นจึงคัดเลือกเฉพาะบริษัทที่มีความโดดเด่นด้าน ESG และมีการกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก โดยใช้วิธี Positive Screening เพื่อให้ได้หุ้นที่ผ่านมาตรฐานความยั่งยืนอย่างครบถ้วน ก่อนจะคัดเลือกเฉพาะหุ้นที่ได้คะแนนสูงสุดเข้าสู่พอร์ตการลงทุน

ทั้งนี้ การวิเคราะห์และประเมินคุณภาพบริษัทเชิงลึกด้วย Investment Scorecard จะมีการให้น้ำหนักดังนี้ในแต่ละด้านอย่างเหมาะสม โดยให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ธุรกิจในเชิงลึกมากที่สุดที่ 30% รองลงมาคือการประเมินภาพรวมและความน่าสนใจของอุตสาหกรรมที่ 20% 

ส่วนที่เหลืออีก 4 ด้าน ได้แก่ การประเมินมูลค่าที่เหมาะสม โมเมนตัมของราคาหุ้น โมเมนตัมของกำไร และความต่อเนื่องในการเติบโตของธุรกิจรวมถึงคุณภาพและความยั่งยืนของกำไร จะได้รับการถ่วงน้ำหนักเท่ากันที่ 12.5%

ASP-THAIESG เหมาะกับใคร

  1. ผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นไทยคุณภาพ สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี กองทุนนี้จะช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน
  2. นักลงทุนที่มองหาตัวช่วยลดหย่อนภาษี หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของกองทุนรวม Thai ESG คือสามารถนำเงินที่ลงทุนไปหักลดหย่อนภาษีได้เหมือนกับการลงทุนใน SSF หรือ RMF อีกทั้งยังสามารถนำวงเงินลดหย่อนไปรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ได้ ทำให้สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 800,000 บาท
  3. นักลงทุนระยะยาว เนื่องจากกองทุนนี้เน้นลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ หรือเพื่อเป้าหมายทางการเงินระยะยาว

สัดส่วนการลงทุนและ Top 5 Holdings

*ข้อมูลจาก Asset Plus Fund Management ณ วันที่ 30/09/2024 สัดส่วนอาจมีการเปลี่ยนแปลง

Top 5 Holdings ASP-ThaiESG

สัดส่วนการลงทุนแบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรม | Source: Asset Plus Fund Management as of 30/09/24

สัดส่วนการลงทุนตามกลุ่มอุตสาหกรรม

  1. กลุ่มธนาคาร มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 16.47% 
  2. กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 12.75% 
  3. ขนส่งและโลจิสติกส์ มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 11.86%
  4. กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 9.77% 
  5. กลุ่มอื่น ๆ มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 43.29%

Top 5 Holdings

  1. DELTA (เดลต้า อีเลคโทรนิคส์) ผู้นำด้านการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประสิทธิภาพสูง มีน้ำหนักการลงทุน 6.52%
  2. TRUE (ทรู คอร์ปอเรชั่น) บริษัทให้บริการโทรคมนาคมครบวงจรรายใหญ่ของไทย มีธุรกิจหลักคือการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และบริการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม มีน้ำหนักการลงทุน 6.42%
  3. ADVANC (แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส) เป็นบริษัทให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของไทย โดยมีธุรกิจหลักคือการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้แบรนด์ AIS มีน้ำหนักการลงทุน 6.33%
  4. MTC (เมืองไทย แคปปิตอล) เป็นบริษัทที่ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank Financial Institution) มีธุรกิจหลักคือการให้สินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ มีน้ำหนักการลงทุน 5.98%
  5. CPALL (ซีพี ออลล์) เจ้าของและผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศไทย โดยมีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ มีน้ำหนักการลงทุน 5.85%

รายละเอียดกองทุน ASP-THAIESG

*ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 21/10/2024

  • ความเสี่ยงระดับ 6 (กองทุนรวมหุ้น)
  • นโยบายการจ่ายเงินปันผล: ไม่จ่าย  
  • มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
  • มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee): ไม่มี
  • ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee): ไม่มี
  • ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนเข้า (Switching-in): ไม่มี
  • ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออก (Switching-out): ไม่มี
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee): 1.61% ต่อปี

สรุป

กองทุน ASP-THAIESG โดดเด่นด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เพิ่มขึ้น โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท และมีระยะเวลาถือครองเพียง 5 ปี ซึ่งมีความยืดหยุ่นมากกว่ากองทุน SSF และ RMF ทำให้เหมาะสำหรับการวางแผนภาษีแบบปีต่อปี

โดย ASP-THAIESG มีจุดแข็งอยู่ที่การบริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์สูง และความเชี่ยวชาญของ บลจ. แอสเซท พลัส (Asset Plus Fund Management) ในการคัดเลือกหุ้น โดยใช้กระบวนการคัดกรองที่เข้มข้นผ่าน Investment Scorecard ที่วิเคราะห์ทั้งปัจจัยพื้นฐาน ความยั่งยืน และการเติบโตของธุรกิจ

กองทุนนี้มุ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่มีคะแนน SET ESG Rating ระดับ BBB ขึ้นไป โดยกระจายการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ธนาคาร พลังงาน และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ยั่งยืน และการสนับสนุนธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมที่แข่งขันได้ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) และค่าธรรมเนียมสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน

สำหรับผู้ที่สนใจกองทุน ASP-THAIESG สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และเริ่มต้นลงทุนได้ที่แพลตฟอร์มของทั้ง Finnomena และ Asset Plus


อ้างอิง: Asset Plus Fund Management

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF RMF และ Thai ESG กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. แอสเซท พลัส โทร. 02-672-1111 | หรือที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort

TSF2024