วงการเทคโนโลยีและการลงทุนต่างตื่นตะลึงกับข่าว Qualcomm กำลังพิจารณาเข้าซื้อกิจการ Intel ยักษ์ใหญ่ในวงการผลิตชิป ข่าวนี้ได้สร้างความตื่นเต้นและความกังวลให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างกว้างขวาง
ราคาหุ้นขยับ สะท้อนมุมมองตลาด
ทันทีที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกมา ราคาหุ้นของ Intel ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของนักลงทุนต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น โดยราคาหุ้น Intel ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.4% เป็น 21.87 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ฟื้นตัวจากการลดลงก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หุ้น Intel ยังคงติดลบถึง 56% ในปีนี้
Intel เคยเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ปัจจุบันบริษัทกลับมีมูลค่าเพียงประมาณครึ่งหนึ่งของ Qualcomm โดย Market Cap ของ Intel อยู่ที่ประมาณ 9.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ Qualcomm มี Market Cap สูงถึง 1.84 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
Intel ประสบปัญหายอดขายลดลงและขาดทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากการสูญเสียความได้เปรียบทางเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อกิจการนี้จะเป็นธุรกรรมที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ และอาจช่วยผลักดันให้เกิดเปลี่ยนแปลงภายในอุตสาหกรรมได้
ในทางตรงกันข้าม หุ้นของ Qualcomm กลับปรับตัวลดลง 2.9% สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้
Intel สะดุด ส่วน Qualcomm ต้องการขยายตลาด
Intel ซึ่งเคยเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก กำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก ด้วยยอดขายที่ลดลงและการขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาดของบริษัทลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของ Qualcomm เท่านั้น โดย Market Cap ของ Intel อยู่ที่ประมาณ 9.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ Qualcomm มี Market Cap สูงถึง 1.84 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ Intel ได้พยายามฟื้นฟูกิจการผ่านการร่วมมือกับ Amazon ในการพัฒนาชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบบพิเศษ และแผนการที่จะแยกธุรกิจการผลิตชิปที่มีปัญหาของ Intel ออกมาเป็นบริษัทลูกทั้งหมด
ในขณะเดียวกัน Qualcomm ซึ่งเป็นผู้นำในการออกแบบชิปสำหรับอุปกรณ์มือถือ กำลังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดชิปคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ Intel มีความแข็งแกร่ง การเข้าซื้อกิจการ Intel จึงอาจเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายนี้
จับตาดีลประวัติศาสตร์
แม้ว่าการเจรจาจะอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น และยังไม่แน่นอนว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้หรือไม่ แต่หากการเข้าซื้อกิจการนี้สำเร็จลุล่วง จะถือเป็นธุรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
การเข้าซื้อกิจการ Intel จะเป็นการยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของ Qualcomm อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการเปิดโอกาสให้ Qualcomm ได้ครอบครองโรงงานผลิตชิปในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสินทรัพย์หลักของ Intel
ปัจจุบัน Qualcomm มักจ้างบริษัทอื่นในการผลิตชิป การมีโรงงานผลิตของตัวเองจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ลดการพึ่งพาผู้ผลิตภายนอก และสร้างความมั่นคงให้กับห่วงโซ่อุปทาน
อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ก็มาพร้อมกับความท้าทายที่สำคัญ นั่นก็คือการที่ Qualcomm ขาดประสบการณ์ในการผลิตเทคโนโลยีชั้นสูงซึ่งเป็นสิ่งที่คู่แข่งอย่าง TSMC เหนือกว่า ดังนั้น การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้อาจไม่ได้แก้ปัญหาทั้งหมดที่ทั้งสองบริษัทกำลังเผชิญอยู่
กองทุนเซมิคอนดักเตอร์ที่ลงทุนใน Qualcomm แนะนำโดย Finnomena Funds
สำหรับผู้ที่สนใจการลงทุนใน Qualcomm บริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการเซมิคอนดักเตอร์ Finnomena Funds แนะนำ SCBSEMI(A) ซึ่งเป็นคำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ Trend Follower ที่เน้นลงทุนตามแนวโน้ม มองหาสินทรัพย์ที่ราคามี Momentum เชิงบวก จากปัจจัยทางเทคนิค หรือ ปัจจัยพื้นฐานเข้าเสริม
SCBSEMI(A) เป็นกองทุนรวมหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่มุ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม และมีสภาพคล่องสูงที่สุดจำนวน 25 บริษัท มีกลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นด้วยการโฟกัสที่ธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการถือหุ้น Qualcomm (QCOM) ที่ประมาณ 9.50%
ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://finno.me/mr-call-scbsemi-a
อ่านคำแนะนำ Mr.Messenger Call เพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/opportunity-hub/investment-call/mr-messenger/semiconductor-aug-2024
ที่มา: Bloomberg
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299