เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ภายใต้การนำของ “พาน กงเซิ่ง” (Pan Gongsheng) ได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมุ่งเป้าไปที่การฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์และกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน หรือที่เรียกว่า Pan’s Package นั้นเป็นชุดมาตรการที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศจีน โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้

  • ปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (Reverse Repurchase Rate) ระยะ 7 วัน จาก 1.7% เหลือ 1.5% และระยะ 14 วัน จากระดับ 1.95% ลงมาอยู่ที่ 1.85% ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น
  • ลดอัตราส่วนเงินสำรองขั้นต่ำ (RRR) ลง 0.5% เป็นการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเศรษฐกิจจำนวน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 4.65 ล้านล้านบาท)
  • ลดอัตราเงินดาวน์สำหรับการซื้อบ้านหลังที่สอง จาก 25% เหลือ 15% เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์
  • คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ลง 0.3% ส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ให้กู้ยืมกันเอง
  • อาจมีการลด RRR เพิ่มเติม โดยอาจลด RRR อีก 0.25% ถึง 0.5% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
  • การลด RRR ไม่ครอบคลุมถึงธนาคารขนาดเล็ก เพื่อป้องกันไม่ให้ธนาคารขนาดเล็กขาดสภาพคล่อง
  • ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (LPR) และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ลง 0.2% ถึง 0.25% เพื่อลดต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการและประชาชน
  • รัฐบาลท้องถิ่นรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านที่ขายไม่ออก 100% จากเดิมที่รับผิดชอบ 60% เพื่อช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์
  • ประกาศจัดตั้ง Swap Program ซึ่งจะอนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์ กองทุน และบริษัทประกัน สามารถเพิ่มสภาพคล่องจากธนาคารกลางเพื่อซื้อหุ้นได้ 
  • จัดตั้ง Re-lending Program สำหรับบริษัทจดทะเบียน และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เพื่อซื้อหุ้นคืนและเพิ่มการถือครอง 

โดยการอัดฉีดสภาพคล่องสำหรับตลาดหุ้นจะมาจาก Swap Program จำนวน 5 แสนล้านหยวน (ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท) และ Re-lending Program ประมาณ 3 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.4 ล้านล้านหยวน) รวมทั้งทางการจีนอาจเพิ่มการอัดฉีดอีก 5 แสนล้านหยวนในระหว่างการดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารกลางจีน (PBOC) ยังไม่ได้กำหนดเวลาที่ชัดเจนสำหรับการลด RRR ซึ่งหมายความว่ามาตรการนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ในอนาคต

ทั้งนี้ PBOC ระบุว่ามาตรการดังกล่าวจะดำเนินการในระยะเวลาอันใกล้ โดยจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ของ PBOC

กองทุนหุ้นจีน แนะนำโดย Finnomena Funds

  • FundTalk Call แนะนำซื้อ “UOBSGCกองทุนหุ้นจีน Greater China ที่กระจายการลงทุนในหุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวัน
  • คัดเลือกหุ้นโดยใช้ AI ร่วมกับนักวิเคราะห์ โดยกรอบการทำงานนี้ช่วยประสิทธิภาพในการคัดเลือกหุ้น และค้นพบโอกาสในการลงทุนที่ซ่อนอยู่
  • ดูรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/UOBSGC

 

อ่านคำแนะนำ FundTalk Call เพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fundtalk/call-greaterchina-july-2024/


อ้างอิง: Reuters, กรุงเทพธุรกิจ, Asia Plus, Mr.Messenger, Morning Brief by Finnomena

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”

TSF2024