(1) ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ต้นแบบนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าของเมืองไทย เปิดเผยว่าได้ดำเนินการจัดตั้ง “บริษัท ตีแตก จำกัด” เพื่อใช้ลงทุนหุ้นต่างประเทศทั่วโลก
(2) ซึ่งได้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2567 ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็นจำนวน 2,200 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Holding Company ประกอบธุรกิจการลงทุนในหุ้น และทรัพย์สินอื่น ๆ ประกอบด้วยกรรมการบริษัท 3 คน คือ ดร.นิเวศน์ ภรรยา และลูกสาว
(3) ดร.นิเวศน์ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าสาเหตุของการจัดตั้งบริษัทนี้ เพราะสิ้นหวังกับผลตอบแทนหุ้นไทย
(4) แต่หากไปลงทุนหุ้นต่างประเทศก็เจอภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 35% หลังกรมสรรพากรประกาศปรับหลักเกณฑ์บังคับใช้ใหม่ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา
(5) ดังนั้น จึงต้องปรับแผนเป็นการลงทุนผ่าน “บริษัท” โดยยอมเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลไปเลย แต่เป็นระดับภาษีที่พอรับได้ คือ 20% ของกำไร
(6) ดร.นิเวศน์ เล่าว่าชื่อบริษัทตีแตก ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือที่เขียน ซึ่งจะเป็นโมเดลเดียวกับ Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett
(7) ต่อไปนี้หากการลงทุนในต่างประเทศก็จะลงทุนผ่านบริษัทตีแตก แต่ถ้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งไม่มีประเด็นเรื่องภาษี ก็ยังใช้ชื่อลงทุนในนามส่วนบุคคล
(8) ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้ปรับพอร์ตโดยการขายหุ้นเวียดนามที่ถือในนามส่วนตัวออก และให้บริษัท ตีแตก จำกัด เข้าไปซื้อหุ้นแทน
(9) นาทีนี้เป้าแรกของบริษัทจะเน้นลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามเป็นหลักก่อน เน้นซื้อหุ้น Super Stock และถือระยะยาวแบบเดียวกับที่ลงทุนในหุ้นไทย หลักการลงทุนยังเหมือนเดิม เน้นลงทุนแบบ Value Investing คือดูคุณภาพเปรียบเทียบกับราคา ถ้ามันคุ้มค่าเราก็ซื้อ ถ้าไม่คุ้มค่าเราก็ขาย
(10) ปัจจุบันพอร์ต ดร.นิเวศน์ มีหุ้นเวียดนามที่สัดส่วนเกือบ 30% ของพอร์ตรวม ที่เหลืออีกเกือบ 70% เป็นพอร์ตหุ้นไทย และมีเงินสดอีกประมาณ 5-6%
Source: ประชาชาติธุรกิจ