Microsoft (MSFT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดจะใช้เงิน 80,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2025 เพื่อก่อสร้าง Data Center ที่สามารถรองรับการทำงานของ AI
กุญแจสำคัญของความสำเร็จ AI
Brad Smith รองประธานและประธานบริษัท Microsoft ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสหรัฐฯ ในการเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลก โดยชี้ว่าความสำเร็จนี้มาจากการลงทุนของภาคเอกชน และนวัตกรรมจากทั้งบริษัทขนาดใหญ่ไปจนถึง Startup
“ที่ Microsoft เราเห็นสิ่งนี้อย่างชัดเจนผ่านความร่วมมือกับ OpenAI รวมถึงบริษัทที่กำลังเติบโตอย่าง Anthropic และ xAI ตลอดจนการพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของเราเอง” Smith กล่าว
AI จุดประกายการแข่งขัน
Microsoft เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่ทุ่มงบประมาณมหาศาลในการจัดซื้อหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) จาก Nvidia (NVDA) เพื่อนำมาใช้ฝึกและดำเนินการโมเดล AI
การเปิดตัว ChatGPT ของ OpenAI ในช่วงปลายปี 2022 ได้จุดประกายการแข่งขันในอุตสาหกรรม AI โดย Microsoft ได้ลงทุนใน OpenAI กว่า 13,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.5 แสนล้านบาท) และยังให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์แก่ Startup ดังกล่าว พร้อมทั้งนำโมเดล AI เข้ามาใช้ในผลิตภัณฑ์อย่าง Windows และ Teams
อัดฉีดเงินลงทุนต่อเนื่อง
ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2025 Microsoft รายงานการใช้เงินลงทุนรวม 20,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.9 แสนล้านบาท) ซึ่งในจำนวนนี้ 14,900 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.15 แสนล้านบาท) ถูกใช้ไปกับอสังหาริมทรัพย์และอุปกรณ์ต่าง ๆ
นอกจากนี้ Amy Hood ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ยังระบุในเดือนตุลาคมว่า ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนจะเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสถัดไป
ปกป้องความเป็นผู้นำ AI ของสหรัฐฯ
Smith ยังเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Donald Trump เร่งส่งเสริมการศึกษาและสนับสนุนเทคโนโลยี AI ของอเมริกาในเวทีโลก เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านนี้ โดยเตือนถึงการแข่งขันจากจีนที่เริ่มสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนา ด้วยการให้ชิปที่หายากในราคาพิเศษ รวมถึงการให้สัญญาในการสร้าง AI Data Center ในพื้นที่ต่าง ๆ
“จีนรู้ดีว่าหากประเทศใดเริ่มใช้แพลตฟอร์ม AI ของจีน ก็มีแนวโน้มที่จะพึ่งพาแพลตฟอร์มนั้นต่อไปในอนาคต”
Smith กล่าว พร้อมเสริมว่า “วิธีตอบสนองที่ดีที่สุดสำหรับสหรัฐฯ ไม่ใช่การวิจารณ์การแข่งขัน แต่เป็นการเร่งพัฒนาและแสดงให้เห็นว่า AI ของอเมริกามีศักยภาพที่เหนือกว่า”
กองทุนหุ้น AI แนะนำโดย Finnomena Funds
Finnomena Funds แนะนำกองทุน TISCOAI และ B-INNOTECH สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตในยุค AI โดยเน้นหุ้นที่มีความมั่นคงในระยะยาวและไม่ได้เน้นการลงทุนในหุ้นที่ต้องพึ่งพา AI Adoption อย่างรวดเร็ว
ซึ่งทั้งสองกองทุนนี้มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้น AI ครอบคลุมตั้งแต่บริษัทต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ
- TISCOAI เป็นกองทุนหุ้น AI ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพในการใช้ประโยชน์จาก AI และ Big Data อย่างเต็มที่ พิจารณาจากปัจจัยสิทธิบัตร สะท้อนถึงความตั้งใจจริงของบริษัทในการพัฒนา AI นอกจากนี้ TISCOAI ยังมีผลตอบแทนย้อนหลังที่ดีอีกด้วย
- B-INNOTECH เป็นกองทุนหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลกแบบ Active จาก Fidelity Funds ที่เน้นการเสาะหาหุ้นเติบโต (Growth) สูง ภายใต้ Valuation ที่เหมาะสม และยึดหลักการคัดเลือกหุ้นด้วยการประเมินมูลค่าที่เข้มงวด (Valuation Discipline) เน้นการลงทุนในบริษัทที่มีรายได้เติบโตอย่างมั่นคง เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว
อ้างอิง: CNBC
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299