Michael Burry นักลงทุนผู้โด่งดังจากการทำกำไรในช่วงวิกฤตซับไพรม์เมื่อปี 2008 จนถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ชื่อ ‘The Big Short’ ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนอย่าง Alibaba Group Holdings, Baidu, และ JD.com ขณะที่รัฐบาลจีนยังคงเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทั้งนี้ Burry ได้ซื้อ Put Option ควบคู่ไปด้วย เพื่อป้องกันความเสี่ยงกรณีราคาหุ้นปรับตัวลดลง
Scion Asset Management บริษัทการลงทุนของ Burry เพิ่มการถือครองหุ้น Alibaba ถึง 30% จำนวน 200,000 หุ้น ขณะเดียวกันก็ซื้อ Put Option ที่มีมูลค่าประมาณ 84% ของหุ้น Alibaba ที่ถือครองอยู่
โดย Put Option จะนี้ช่วยให้ Scion สามารถขายหุ้น Alibaba เพื่อทำกำไรหรือป้องกันการขาดทุนได้ หากราคาหุ้นปรับตัวลง
กลยุทธ์เดียวกันนี้ยังถูกใช้กับหุ้นจีนอื่น ๆ เช่น Baidu และ JD.com โดย Scion เพิ่มการถือครองหุ้น JD.com เป็น 2 เท่าในไตรมาสนี้พร้อมเสริมด้วย Put Option ขณะที่การถือครองหุ้น Baidu เพิ่มขึ้นประมาณ 2 ใน 3 โดยมีการป้องกันความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
Scion Asset Management Portfolio | Source: Valuesider as of 15/11/24
การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ด้วยการส่งเสริมการใช้จ่ายและสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังประสบปัญหา
มาตรการดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีนักวิเคราะห์บางกลุ่มที่ยังคงกังวลต่อแนวโน้มระยะยาวของตลาดจีน
จากรายงาน 13F (รายงานที่สถาบันลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้องรายงานทุกไตรมาส ว่าถือหุ้นอะไรหรือ Option อะไร) ที่เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการลงทุนในหุ้นจีนของ Burry ซึ่งรวมถึง Alibaba, Baidu และ JD.com นั้นมีมูลค่าราว 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,880 ล้านบาท) ณ สิ้นเดือนกันยายน หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 65% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมดของ Burry
Scion Asset Management’s 13F Filing | Source: WhaleWisdom as of 15/11/24
Burry เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยังคงเชื่อมั่นในหุ้นจีน แม้ในช่วงที่ตลาดหุ้นยังมีความไม่แน่นอน เช่นเดียวกับ David Tepper จาก Appaloosa Management ที่เพิ่มการลงทุนในหุ้นจีนก่อนที่รัฐบาลจะประกาศมาตรการกระตุ้นครั้งใหญ่ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
โดย Burry เริ่มทยอยสะสมหุ้นจีนและเพิ่มการถือครองหุ้น Alibaba ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นการลงทุนหลักของ Scion Asset Management
หลังจากรัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ดัชนี CSI 300 ของจีนได้ปรับตัวขึ้นถึง 32% ภายในสองสัปดาห์ ส่วนดัชนี Nasdaq Golden Dragon ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ก็เพิ่มขึ้นถึง 37%
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หุ้น Alibaba, JD.com และ Baidu กลับปรับตัวลดลงกว่า 20% ลงไปอยู่ที่ระดับเดิมก่อนการประกาศกระตุ้นเศรษฐกิจ
ถึงแม้จะมีการฟื้นตัวในช่วงสั้น ๆ แต่นักกลยุทธ์ใน Wall Street หลายคนยังคงระมัดระวังกับแนวโน้มของจีนในระยะยาว เนื่องจากการเติบโตที่ชะลอตัวและแนวโน้มการบริโภคที่อ่อนแอ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงด้านกำแพงภาษีของสหรัฐฯ และประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ก็อาจร้อนแรงขึ้นอีกในสมัยของ Donald Trump
อ้างอิง: Bloomberg