หมดเวลาของ 7 นางฟ้าแล้ว

ต้องยอมรับว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Magnificent-7 หรือหุ้นกลุ่ม 7 นางฟ้า คือผู้ที่ขับเคลื่อนตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาให้วิ่งเป็นขาขึ้น โดยมีสตอรี่หลักอย่างการเติบโตของ Generative AI ประกอบกับอัตราการเติบโตของกำไร (EPS Growth) อันยอดเยี่ยมของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่

Magnificent-7 ประกอบไปด้วย Alphabet, Amazon, Apple, Meta Platforms, Microsoft, Nvidia และ Tesla

มูลค่าบริษัทที่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณของ Magnificent-7 ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี เกิดคำถามตามมาเป็นระยะว่านี่เป็นการเติบโตแบบ Bubble หรือไม่ ใกล้จะ Cycle หรือยัง และ Valuation กำลังแพงเกินจริงหรือเปล่า?

Stock Market Snapshot

หมดเวลาของ 7 นางฟ้าแล้ว

เปิดปี 2025 มานี้ เราจึงเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของหุ้นกลุ่มนี้ โดยผลตอบแทน YTD ของ Magnificent-7 อยู่ที่ +1.7% ต่ำกว่า S&P 500 และ Nasdaq 100 ที่ทำได้ +4.7% และ 5.2% ตามลำดับ (as of 14/02/2025)

ตั้งข้อสังเกตการชะลอตัวของ Magnificent-7

1. EPS Growth โตในอัตราที่ลดลง

หมดเวลาของ 7 นางฟ้าแล้ว

จุดแรกที่น่าสนใจคือ EPS Growth ของกลุ่ม Magnificent-7 กำลังเติบโตในอัตราที่ลดลง ซึ่งจะเห็นว่าการประมาณการกำไรของนักวิเคราะห์ที่มองไปข้างหน้า เริ่มถูกคาด EPS Growth ที่น้อยลง ทั้ง Nvidia, META, Amazon, Alphabet, Microsoft และ Apple โดยมีเพียง Tesla เท่านั้นที่ถูกมองว่าจะดูดีขึ้น

2. นักวิเคราะห์ Downgrade EPS กดดันภาพรวมตลาด

หมดเวลาของ 7 นางฟ้าแล้ว

ตั้งแต่ต้นปีเราพบว่ากลุ่ม Magnificent-7 ถูกนักวิเคราะห์ Downgrade EPS ลงมากกว่าเมื่อเทียบกับ S&P 500 และ US Large Cap ex Mag 7

3. เงินลงทนใน AI ที่มหาศาล อาจไม่คุ้มค่าเมื่อภาพของเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนไป

โดยในปี 2025 ทั้งกลุ่ม Magnificent-7 มีแผนจะใช้งบ CAPEX สูงถึง 281 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22.7% แต่อัตราการเติบโตของรายได้และกำไรกลับต่ำกว่า 15% แปลว่าเม็ดเงินที่ทุ่มลงทุนอาจจะไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้อย่างที่หวัง

ทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมปีนี้ อาจจะไม่ใช่ปีทองของหุ้น 7 นางฟ้าอีกแล้ว แม้ภาพรวมหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่จะถูกกระจายตัวไปในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในบิ๊กเทคเท่านั้น


หมดเวลา 7 นางฟ้า หันหาโอกาสการลงทุนอะไรดี?

Finnomena Funds มองว่ากลุ่มที่จะ Outperform คือหุ้นขนาดเล็กในสหรัฐฯ ดัชนี Russell 2000 เนื่องด้วยราคาหุ้นขนาดเล็กยังคง Laggard หุ้นขนาดใหญ่ แต่ดัชนีชี้นำผู้ประกอบการขนาดเล็กพุ่งสูงขึ้น และอาจบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของผลประกอบการหุ้นขนาดเล็ก

นอกจากนี้ เชื่อว่านโยบายของ “ทรัมป์ 2.0” จะสร้างผลประโยชน์ต่อหุ้นขนาดเล็กมากกว่า เช่น

  • Domestic Focus: นโยบาย “American First” ช่วยลดการแข่งขันจากบริษัทข้ามชาติ และสนับสนุนบริษัทในประเทศให้สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้น
  • Tariff Benefits: ทำให้สินค้าในประเทศมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น จากการเพิ่มกำแพงภาษีสินค้านำเข้า ซึ่งอาจเพิ่มความต้องการสำหรับสินค้าที่ผลิตในประเทศและเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัทขนาดเล็กด้านการผลิต
  • Tax Cuts: เป็นประโยชน์ต่อบริษัทขนาดเล็ก เนื่องจากจ่ายอัตราภาษีนิติบุคคลเต็มจำนวนมากกว่าบริษัทใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ
  • Regulatory Relief: ลดค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบสำหรับบริษัทขนาดเล็ก และทำให้บริษัทขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

 

แนะนำ Selective Buy บนหุ้นสหรัฐฯ ผ่านกองทุน ASP-USSMALL-A ที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็ก

ส่วนใครยังคงชอบกลุ่มเทคโนโลยี แต่อยากกระจายตัวลดสัดส่วนบิ๊กเทค แนะนำกองทุน B-INNOTECH ซึ่งคัดหุ้นเทคโนโลยีแบบ Active เน้นกระแสเงินสดแข็งแกร่ง และราคาไม่แพง โดยมีสัดส่วน Mag-7 ไม่ถึง 15%


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Wealth Health Check