ล่าสุด Goldman Sachs ออกมาแสดงมุมมองที่เป็นบวกอย่างมากต่อหุ้นสหรัฐฯ โดยคาดว่า GDP Q4 สหรัฐฯ จะโตได้ถึง 2% มากกว่า Bloomberg Consensus ที่มองเอาไว้ที่ 0.9% แถมยังอีกด้วยคาดว่ามีโอกาสเพียง 20% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเกิด Recession ในปีนี้
และนี่คือ 10 มุมมองของ Goldman Sachs ต่อตลาดสหรัฐฯ
1. การบริโภคเติบโต 2% จากเลขค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นสวนทางเงินเฟ้อที่ลดลง
2. อัตราผิดนัดชำระหนี้เป็นเงาสะท้อนของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมากกว่าการเงินครัวเรือนที่ย่ำแย่
3. ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง ค่าจ้างเพิ่มขึ้น การเลิกจ้างต่ำ
4. แม้ตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นกระจุกตัวใน 3 อุตสาหกรรม แต่ตำแหน่งงานเหล่านี้นับเป็น 40% ของทั้งหมด
5. การยื่นล้มละลายเพิ่มขึ้นจริง แต่ยังอยู่ในโซนต่ำกว่าก่อนโควิดระบาดอยู่ดี
6. อัตราดอกเบี้ยที่สูงจะมีผลกระทบต่อบริษัทในระดับปานกลางเท่านั้น
7. แม้ WFH จะทำให้การใช้งานสำนักงานลดลง แต่สำนักงานก็เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ทั้งหมด และคิดเป็นแค่ 2-3% ของพอร์ตสินเชื่อธนาคาร
8. วงจรดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
9. นโยบายกระตุ้นที่ลดลงจะไม่สร้างผลกระทบที่น่ากังวล
10. แม้จะมีปัญหาในภาคการธนาคาร แต่ธุรกิจขนาดเล็กยังเข้าถึงสินเชื่อได้
2. อัตราผิดนัดชำระหนี้เป็นเงาสะท้อนของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมากกว่าการเงินครัวเรือนที่ย่ำแย่
3. ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง ค่าจ้างเพิ่มขึ้น การเลิกจ้างต่ำ
4. แม้ตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นกระจุกตัวใน 3 อุตสาหกรรม แต่ตำแหน่งงานเหล่านี้นับเป็น 40% ของทั้งหมด
5. การยื่นล้มละลายเพิ่มขึ้นจริง แต่ยังอยู่ในโซนต่ำกว่าก่อนโควิดระบาดอยู่ดี
6. อัตราดอกเบี้ยที่สูงจะมีผลกระทบต่อบริษัทในระดับปานกลางเท่านั้น
7. แม้ WFH จะทำให้การใช้งานสำนักงานลดลง แต่สำนักงานก็เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ทั้งหมด และคิดเป็นแค่ 2-3% ของพอร์ตสินเชื่อธนาคาร
8. วงจรดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
9. นโยบายกระตุ้นที่ลดลงจะไม่สร้างผลกระทบที่น่ากังวล
10. แม้จะมีปัญหาในภาคการธนาคาร แต่ธุรกิจขนาดเล็กยังเข้าถึงสินเชื่อได้
FINNOMENA FUNDS Investment Team มองว่า เงินเฟ้อกำลังเข้าสู่ขาลงชัดเจน (disinflation) คาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024 หนุนให้สินทรัพย์ต่างๆ มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้โดยเฉพาะ “สินทรัพย์เสี่ยง” เช่น หุ้น
แนะนำกองทุน KFUS-A
กลุ่มที่น่าสนใจคือ หุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ ของสหรัฐฯ ที่อยู่ “นอกกลุ่ม Magnificent-7” เพราะหุ้น Magnificent-7 ปรับตัวขึ้นไปแล้วพอสมควร
จึงแนะนำการลงทุนในกองทุน KFUS-A ที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเทคฯ กลาง-ใหญ่ ของสหรัฐฯ
ส่วนคนที่มีหุ้นสหรัฐฯ อยู่ แนะนำ “ปรับสัดส่วน” จากกองที่มีน้ำหนักสูงในหุ้น Big Tech ไปยังกองทุน KFUS-A ที่มีสัดส่วนกระจายใน Big-Mid Tech
กองทุน KFUS-A หรือ กองทุนเปิดกรุงศรียูเอสอิควิตี้-สะสมมูลค่า มีกองทุนหลักคือ Baillie Gifford Worldwide US Equity Growth Fund ที่บริหารแบบเชิงรุก
แม้ KFUS-A จะมีการลงทุนในหุ้น Big Tech อยู่ แต่ก็มีการกระจายการลงทุนในหุ้น 30-50 ตัวไปยังหุ้นตัวอื่น ๆ ในตลาด และยังมีสัดส่วนการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสูง เข้ากับสถานการณ์เงินเฟ้อขาลงที่หนุนให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงผลิดอกได้
นโยบายการลงทุนของ KFUS-A
- มีการบริหารจัดการแบบ active management
- ใช้กลยุทธ์แบบ bottom-up หยิบหุ้นเข้าพอร์ตประมาณ 30-50 ตัว
- เน้นคัดหุ้นเติบโตที่เป็นอนาคตใหม่ในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
ภาพ: สัดส่วนการลงทุนของกองทุนหลักของ Baillie Gifford Worldwide US Equity Growth Fund | ที่มา Baillie Gifford as of 30/11/2023
ศึกษาข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่: https://finno.me/ftcall-usa
อ้างอิง
คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน SSF และ RMF | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”
แท็ก: