สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัท Alimentation Couche-Tard ของแคนาดา ได้ยื่นข้อเสนอเข้าซื้อกิจการฉบับแก้ไขต่อ Seven & i Holdings เจ้าของแบรนด์ 7-Eleven ของญี่ปุ่น โดยข้อเสนอนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเดิม 22% เป็นประมาณ 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากการซื้อขายนี้เกิดขึ้นจริง จะทำให้การเข้าซื้อกิจการ 7-Eleven กลายเป็นการซื้อกิจการบริษัทญี่ปุ่นโดยต่างชาติที่มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ข้อเสนอใหม่นี้มีมูลค่า 18.19 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจากข้อเสนอเดิมที่ถูกปฏิเสธที่ 14.86 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น หรือประมาณ 38,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้าน Seven & i ระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อเสนอใหม่เป็นการเจรจาแบบส่วนตัวและไม่มีผลผูกพัน โดยบริษัทจะเก็บการเจรจาเป็นความลับตามที่ Couche-Tard ร้องขอ
Manoj Jain ผู้ก่อตั้งร่วมและ CIO ของ Maso Capital กล่าวว่า “ข้อเสนอที่เพิ่มขึ้นจาก Couche-Tard น่าสนใจกว่าข้อเสนอเดิมมาก ถึงแม้ว่าจะมีข้อกำหนดและกฎระเบียบที่ต้องพิจารณา แต่คณะกรรมการบอร์ดของ Seven & i ควรตรวจสอบว่าข้อตกลงนี้สามารถดำเนินไปได้หรือไม่”
เมื่อมีรายงานดังกล่าว ราคาหุ้นของ Seven & i ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 12% ก่อนจะลดช่วงบวกลง จนปิดที่ระดับ 2,335 เยน (15.7 ดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 4.7% ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนบางส่วนยังไม่มั่นใจว่าข้อตกลงนี้จะเกิดขึ้นจริง
เมื่อเดือนที่แล้ว Seven & i ระบุว่าข้อเสนอซื้อกิจการเบื้องต้นของ Couche-Tard เป็นการ “ประเมินมูลค่าบริษัทที่ต่ำเกินไป” และย้ำว่าบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มมูลค่ากิจการด้วยตนเอง โดยกลยุทธ์นี้หมายความว่าบริษัทต้องแสดงให้เห็นถึงแผนการสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นสำหรับนักลงทุน
ในขณะเดียวกัน กลุ่มนักวิจารณ์ของ Seven & i รวมถึงนักลงทุนต่างชาติอย่าง ValueAct Capital และ Artisan Partners มองว่า บริษัทควรให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักคือร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งมีสาขากว่า 80,000 แห่งทั่วโลก มากกว่าธุรกิจอื่น เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต, ธนาคาร, ร้านอาหาร Denny’s และ Tower Records
นอกจากนี้ Seven & i กำลังพิจารณาขายหุ้นบางส่วนในธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งอาจหมายความว่าบริษัทกำลังเร่งแผนการนำธุรกิจดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตามที่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
สุดท้าย Seven & i ยังพิจารณาเปลี่ยนชื่อเพื่อสะท้อนถึงการเน้นย้ำธุรกิจร้านสะดวกซื้อซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทมากยิ่งขึ้น
ที่มา: https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=TEdXRVUzcnhqbkk9