บริษัท BYD ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีน สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการยานยนต์ด้วยยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมียอดขายทะลุ 370,854 คัน เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ความนิยมรถไฟฟ้ายังเติบโตต่อเนื่อง
ในขณะที่ BYD กำลังประสบความสำเร็จในการขยายตลาดต่างประเทศ Xiaomi ก็ได้รายงานยอดส่งมอบรถยนต์มากกว่า 10,000 คัน เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน หลังเคยประกาศเป้าหมายในการส่งมอบรถซีดานไฟฟ้า SU7 จำนวน 100,000 คัน ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ยอดขายของ BYD พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องคือความนิยมของรถไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 48% และคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 2 ใน 3 ของยอดขายรวมในเดือนนี้ ขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ก็ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 12%
คู่แข่งเผชิญกับความท้าทาย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ BYD กำลังประสบความสำเร็จอย่างงดงาม บริษัทสตาร์ทอัพด้านยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) หลายแห่งกลับกำลังเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขัน
โดย Li Auto ผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับเดินทางระยะไกลในประเทศจีน รายงานยอดส่งมอบ 48,122 คัน ลดลงจากสถิติสูงสุดที่ 51,000 คันในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ส่วน Aito แบรนด์รถยนต์ที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Seres และ Huawei ก็ประสบปัญหาเช่นกัน โดยมียอดส่งมอบเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 31,216 คัน ลดลงกว่า 10,000 คันจากเดือนก่อนหน้า
ขณะที่บริษัท Nio อีกหนึ่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ในจีน รายงานยอดส่งมอบรถยนต์ในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 20,176 คัน ลดลงเล็กน้อยจากเดือนกรกฎาคม แต่ยังคงสูงกว่า 20,000 คัน เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
ทางด้านบริษัท Xpeng ได้รายงานยอดส่งมอบรถยนต์ 14,036 คันในเดือนสิงหาคม ถือเป็นเดือนที่ดีที่สุดของ Xpeng ในปีนี้ โดยบริษัทได้เริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ Mona M03 ซึ่งมีราคาต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 685,000 บาท)
นอกจากนี้ Zeekr แบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ระดับพรีเมียม ในเครือบริษัท Geely Holding Group แม้ว่าจะรายงานยอดส่งมอบเพิ่มขึ้นเดือนต่อเดือน (MoM) เป็น 18,015 คันในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่กลับพบว่ายอดส่งมอบลดลงจาก 20,206 คันในเดือนมิถุนายน
ท่ามกลางสถานการณ์นี้ มีรายงานว่า Huawei กำลังเจรจาขายเครื่องหมายการค้าและสิทธิบัตรของ Aito ให้กับบริษัท Seres ในมูลค่า 2.5 พันล้านหยวน (ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท) สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการแข่งขัน และแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ของจีน
ตั้งเป้ายอดขายนอกประเทศ 400,000 คัน
แม้ว่าตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในจีนจะมีการแข่งขันที่รุนแรง และความท้าทายด้านห่วงโซ่อุปทานที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรายย่อยในอนาคต แต่ผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง BYD ยังคงเดินหน้าขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าส่งมอบรถยนต์กว่า 400,000 คันนอกประเทศจีนในปีนี้
การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนยังคงเข้มข้น โดยบริษัทต่าง ๆ ต่างพยายามดึงดูดลูกค้าด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีราคาเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดในอนาคต
แนะนำกองทุนหุ้นจีนที่ลงทุนใน BYD
สำหรับผู้ที่สนใจการลงทุนใน BYD ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 จากจีน Finnomena Funds แนะนำกองทุน MEGA10CHINA-A ซึ่งเป็นคำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ MEVT Call ที่เน้นเป้าหมายการลงทุนในระยะยาว (The Long-Term Growth)
MEGA10CHINA-Aเป็นกองทุนรวมหุ้นจีนที่มุ่งเน้นลงทุนใน 10 บริษัททรงอิทธิพลในจีน ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยจะต้องเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ มีสภาพคล่องสูง และเน้นความเป็นผู้นำในด้านตราสินค้า (Brand Value) ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการถือหุ้น BYD ที่ประมาณ 9.50%
รับชมคลิป BYD Gigs Economy EP09 – ค่าย EV เบอร์ 1 จากจีนผู้เขย่าบัลลังก์ Tesla
ที่มา: CNBC
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort”