Alphabet ทุบสถิติ รายได้จาก YouTube ทะลุ 50,000 ล้าน พร้อมเดินหน้าใช้ AI ลดต้นทุน

Alphabet (GOOG, GOOGL) บริษัทแม่ของ Google รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 เหนือความคาดหมายของตลาด ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 6% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด โดยรายงานกำไรสุทธิ 26,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 19,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่รายได้รวมของ Alphabet แตะระดับ 88,270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีแรงหนุนสำคัญจากธุรกิจคลาวด์ที่เติบโตอย่างโดดเด่นถึง 35% จาก 8,410 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 11,350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทระบุว่าเป็นผลมาจากความสำเร็จในการนำเสนอบริการ AI และการสมัครสมาชิกแบบ Subscription สำหรับลูกค้าองค์กร

โดยมีสัดส่วนรายได้จากบริการต่าง ๆ ดังนี้

  • Google Search ประมาณ 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12%
  • YouTube Ads ประมาณ 8,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12%
  • Google Network ประมาณ 7,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 2%
  • Google Subscriptions, Platforms และ Devices ประมาณ 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28%
  • Google Cloud ประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 35%
  • Other Bets และอื่น ๆ ประมาณ 551 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 37%

 

ผลประกอบการ Alphabet

ผลประกอบการของ Alphabet ไตรมาส 3/2024 | Source: Finnomena Funds, App Economy Insights as of 30/10/24

Google Search ยังแกร่ง รายได้จาก YouTube ทะลุ 50,000 ล้าน

โดยเมื่อพิจารณาสัดส่วนรายได้ทั้งหมดแล้ว Google Search ยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของ Alphabet ตามมาด้วย Google Cloud ซึ่งเติบโตสูงถึง 35% และ Google Subscriptions, Platforms และ Devices ที่เติบโตสูงถึง 28%

ขณะที่ YouTube เองก็เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ Alphabet โดยสร้างรายได้จากโฆษณา 8,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 12% แม้ว่าจะเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจาก Netflix, TikTok และ Amazon 

ที่น่าสนใจคือรายได้รวมของ YouTube ทั้งจากโฆษณาและ YouTube Premium ทะลุ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา

Sundar Pichai CEO ของ Alphabet เผยว่า กลุ่มผลิตภัณฑ์ AI แบบครบวงจรของบริษัทกำลังดำเนินการในวงกว้าง และถูกใช้งานโดยผู้ใช้ Google หลายพันล้านคน ซึ่ง Pichai ระบุว่าเป็น “การสร้างวงจรแห่งคุณค่า”

Philipp Schindler ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจ เสริมว่า โมเดลภาษา AI ของบริษัทอย่าง Gemini ได้ช่วยให้ YouTube สามารถแนะนำเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง สดใหม่ และตรงใจผู้ชมได้แม่นยำมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของ Google Search ฟีเจอร์ AI ก็กำลังช่วยขยายขอบเขตและวิธีการค้นหาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ด้าน Google Lens ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์การจดจำภาพผ่านกล้องมือถือ ได้กลายเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ Alphabet โดยปัจจุบันถูกใช้งานมากกว่า 20,000 ล้านครั้งต่อเดือน และเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์การค้นหาที่เติบโตเร็วที่สุด โดยเฉพาะการใช้งานเพื่อช้อปปิ้ง

ในส่วนของ Google Cloud ความสำเร็จนั้นมาจากผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐาน AI และโซลูชัน Generative AI ที่ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าเดิม ดึงดูดลูกค้ารายใหม่ และทำให้สามารถเพิ่มค่าบริการได้ โดย Google Workspace ชุดเครื่องมือการทำงานและประมวลผลบนคลาวด์ของบริษัท และ Google Cloud Platform ชุดเครื่องมือด้านการจัดการข้อมูลและ AI ก็มียอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน

CFO คนใหม่กับกลยุทธ์ AI ลดต้นทุน

นอกจากการเติบโตของรายได้แล้ว ด้าน CFO คนใหม่ของ Alphabet อย่าง Anat Ashkenazi ยังได้เผยแผนการใช้ AI เพื่อลดต้นทุนทางธุรกิจอย่างเข้มข้น ทั้งการปรับปรุงขั้นตอนการทำงาน การจัดการจำนวนพนักงาน และพื้นที่สำนักงาน

ในส่วนของ Other Bets ซึ่งรวมถึง Verily บริษัทที่มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Sciences) และ Waymo บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นจากโครงการรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Google รายงานรายได้ 388 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3/2024 เพิ่มขึ้นจาก 297 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว โดยล่าสุด Waymo สามารถระดมทุนได้ 5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายบริการแท็กซี่ไร้คนขับในเมืองสำคัญของสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ในไตรมาส 3/2024 ของ Alphabet ยังมีเปลี่ยนแปลงสำคัญในระดับผู้บริหาร โดยบริษัทได้แต่งตั้ง Nick Fox ขึ้นมาแทน Prabhakar Raghavan ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้นหาและโฆษณา พร้อมกับการปรับโครงสร้างให้ทีม Gemini ซึ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI สำหรับผู้บริโภคเข้าไปอยู่ภายใต้ Google DeepMind ที่นำโดย Demis Hassabis

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Alphabet ถือเป็นการเปิดศึกสัปดาห์รายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ โดย Meta และ Microsoft จะรายงานผลในคืนวันนี้ (30 ตุลาคม 2024) ตามด้วย Apple และ Amazon ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2024

กองทุนหุ้นเทคโนโลยี แนะนำโดย Finnomena Funds

Finnomena Funds แนะนำกองทุนหุ้นเทคโนโลยี B-INNOTECH ที่เน้นบริษัทพื้นฐานดีทั่วโลก กระแสเงินสดแข็งแกร่ง และราคาไม่แพง รวมทั้งยังทนทานต่อความผันผวนในระยะสั้นได้ดี ตามคำแนะนำ FundTalk Contrarian Call และ MEVT Call

B-INNOTECH เป็นกองทุนหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลกแบบ Active จาก Fidelity Funds ที่เน้นการเสาะหาหุ้นเติบโต (Growth) สูงภายใต้ Valuation ที่เหมาะสม พร้อมรับอานิสงส์จากงบหุ้น Big Tech ที่คาดว่าจะยังคงแข็งแกร่ง โดยปัจจุบัน B-INNOTECH มีสัดส่วนการถือหุ้น GOOGL อยู่ประมาณ 3.25% (ข้อมูล ณ วันที่ 30/10/24)

“ดูคำแนะนำทั้งหมดได้ที่ 👉 Opportunity Hub แหล่งรวมโอกาสการลงทุนจาก Finnomena”


อ้างอิง: CNBC, Alphabet Earning Release

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

TSF2024