ปีที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาที่โดดเด่นของการเสนอขายหุ้น IPO ในอินเดีย โดยมีผู้ประกอบการถึง 7 รายก้าวขึ้นสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์ (Billionaire) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เริ่มต้นในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
หนึ่งในนั้นคือ Chiranjeev Singh Saluja ผู้ก่อตั้ง Premier Energies บริษัทผลิตเซลล์และโมดูลพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอินเดีย รองจาก Adani Group
“คุณพ่อของผมเริ่มต้นธุรกิจด้วยการจัดหาปั๊มน้ำมือหมุนให้หมู่บ้านในชนบทที่แทบไม่มีไฟฟ้าใช้ และก่อตั้ง Premier Solar ในปี 1995”
Saluja เล่าถึงจุดเริ่มต้นของบริษัท ปัจจุบัน Premier Energies มีมูลค่าตลาดราว 7,000 ล้านดอลลาร์ หลังหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นเกือบ 3 เท่านับตั้งแต่จดทะเบียนในตลาดเมื่อเดือนกันยายน 2024
นอกจาก Saluja แล้วยังมีผู้ประกอบการด้านพลังงานหมุนเวียนอีก 3 รายที่ประสบความสำเร็จจากการ IPO ได้แก่
- Hitech C Doshi จาก Waaree Group ผู้ผลิตโมดูลพลังงานแสงอาทิตย์
- Bhavish Aggarwal จาก Ola Electric Mobility Ltd ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
- Manoj K Upadhyaya จาก Acme Solar Holdings Ltd ผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
พลังงานแสงอาทิตย์ โอกาสที่มาพร้อมความท้าทาย
รายงานจาก Frost & Sullivan ระบุว่า อินเดียตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์อีก 100 GW ภายใน 4 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมนี้
อย่างไรก็ตาม Saluja เตือนว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วอาจนำไปสู่การรวมตัวของอุตสาหกรรม (Consolidation) ซึ่งหมายถึงกระบวนการที่บริษัทหลายแห่งในอุตสาหกรรมเดียวกันรวมตัวกันหรือควบรวมกิจการ เพื่อสร้างองค์กรที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น หรือมีความได้เปรียบทางการแข่งขันมากขึ้น
“ในอีก 18-24 เดือน จะมีการขยายกำลังการผลิตเซลล์และโมดูลพลังงานแสงอาทิตย์ครั้งใหญ่ ผู้ที่สามารถปรับตัวและขยายธุรกิจได้เท่านั้นที่จะอยู่รอด” Saluja กล่าว
แนวโน้ม IPO ตลาดอินเดีย ปี 2025
ปี 2024 เป็นปีที่ตลาด IPO อินเดียเติบโตอย่างมาก โดยมีการระดมทุนรวม 1.66 ล้านล้านรูปี (19,820 ล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปีก่อนหน้า พร้อมกับจำนวนผู้ลงทุนรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น 27% แตะ 109 ล้านคน
ในปี 2025 คาดว่าจะมีบริษัท 85 แห่งเข้าจดทะเบียนในตลาด โดยตั้งเป้าระดมทุนรวมประมาณ 1.53 ล้านล้านรูปี (18,000 ล้านดอลลาร์) บริษัทที่เตรียม IPO รวมถึง
- Zepto ธุรกิจจัดส่งของชำออนไลน์
- Flipkart India Pvt ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซที่ Walmart สนับสนุน
- PayU และ Pine Labs ผู้ให้บริการชำระเงินรายใหญ่
นอกจากนี้ Reliance Industries ของ Mukesh Ambani ก็คาดว่าจะนำธุรกิจค้าปลีกและโทรคมนาคมมาแยกจดทะเบียนในตลาด
ตัวขับเคลื่อนใหม่ของตลาด IPO อินเดีย
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตลาด IPO อินเดียถูกขับเคลื่อนโดยบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง (MSME) ที่ 90% ระดมทุนต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์
Vishnu Agarwal ซีอีโอของ Stock Knocks กล่าวว่า
“ผู้ก่อตั้งบริษัทเริ่มมองเห็นประโยชน์ของการถือหุ้น 75% ในบริษัทมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ ที่จดทะเบียนในตลาด มากกว่าการถือหุ้น 100% ในบริษัทมูลค่าเพียง 10 ล้านดอลลาร์”
นอกจากนี้ เขายังเสริมว่า
“ปีหน้าเราจะได้เห็นดีลจำนวนมหาศาล เพราะผู้ก่อตั้งบริษัทต่างกระหายการเติบโต”
กองทุนหุ้นอินเดีย แนะนำโดย Finnomena Funds
Finnomena Funds แนะนำกองทุน B-BHARATA กองทุนรวมหุ้นอินเดีย ที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศอินเดีย และมีน้ำหนักการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ เพื่อโอกาสเพิ่มผลตอบแทนมากขึ้น ตามคำแนะนำ Mr.Messenger Call
ดูรายละเอียดกองทุน B-BHARATA ได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/B-BHARATA
และกองทุน TISCOINA-A กองทุนรวมหุ้นอินเดียซึ่งเน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management และคัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up โดยลงทุนผ่าน 3 กองทุนหลักในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ตามคำแนะนำ FundTalk Call และ Mr.Messenger Call
โดย 3 กองทุนหลักที่ TISCOINA-A เข้าลงทุนได้แก่
- Nomura Funds Ireland plc India Equity Fund คัดเลือกหุ้นจากพื้นฐานเป็นหลัก ประมาณ 25-30 ตัว จาก Universe ประมาณ 240 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่
- FSSA Indian Subcontinent Fund เน้นลงทุนในบริษัที่ประกอบธุรกิจในอินเดีย, ศรีลังกา, ปากีสถาน และบังคลาเทศ โดยเน้นลงทุนประมาณ 50 ตัว กระจายลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก โดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
- Goldman Sachs India Equity Portfolio เลือกหุ้นประมาณ 70-100 ตัว จาก Universe ประมาณ 700 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
ดูรายละเอียดกองทุน TISCOINA-A ได้ที่: https://www.finnomena.com/fund/TISCOINA-A
อ้างอิง: Business Standard
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299