ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงได้ผลบวกจาก Asset Allocation ไหลออกจากสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้ระยะยาวและกอง REIT เข้าสู่หุ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มที่เป็น Cyclical Recovery อาทิ กลุ่มน้ำมันและกลุ่มเดินเรือ
- ตั้งแต่ต้นปี 2017 เป็นต้นมา นักลงทุนต่างประเทศซื้อพันธบัตร หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสองพันล้านบาท (80% เป็นพันธบัตรระยะสั้น) บ่งบอกว่าเม็ดเงินยังไม่ไหลออกระยะสั้น นักลงทุนต่างประเทศซื้อหุ้นประมาณ 4,167 ล้านบาท แต่ Shot SET50 ผ่านตลาด TFEX ประมาณสามหมื่นสามพันสัญญาแสดงให้เห็นว่าในระยะสั้นเงินของนักลงทุนต่างประเทศจะยังคงไม่เข้าตลาดทุน
- เม็ดเงินที่ไหลเข้าหุ้นส่วนใหญ่เป็นลักษณะ ETF และไม่ใช่ Across the Board หมายความว่า การลงทุนของเม็ดเงินต่างประเทศมีความเจาะจงเป็น Sector และเป็นลักษณะ Rotation มากกว่าการขึ้นแบบยกแผง เราจึงสังเกตว่าเวลาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น มักจะมีบาง Sector เป็นตัวนำเท่านั้น
- ภาพในระยะสั้นคือ ตลาดจะ sideway เนื่องจาก Bond Yields ลดลง แต่ DXYO เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น
- ยังคงมองตลาดหุ้นเป็น Sideway ถึง Sideway Up หุ้นที่มีลักษณะ Flow โดดเด่นทางด้าน Sector และ Recovery จะ Outperform ยังคง overweight กลุ่ม commodity
- เงื่อนไขที่ SET Index จะมีภาวะ Risk on สู่ระดับ 1600 – 1650 ต่อเมื่อ
- Fed ไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม
- ถ้านาง Le Pen ไม่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบ 2 ใน วันที่ 7 พ.ค. แต่เธออาจจะชนะการเลือกตั้งครั้งแรกในวันที่ 23 เม.ย. เนื่องจากนาง Le Pen อาจจะมีนโยบาย Anti Euro
- การ Upgrade ของ Earning ของบริษัทจดทะเบียนจากระดับ EPS ที่ 106-107 บาทต่อหุ้น ไปสู่ระดับ 110 บาทต่อหุ้น
- แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอาจจะต้องติดตามสภาวะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกจะเข้าสู่ภาวะกระทิง แต่นำไปสู่โอกาสที่จะเกิด Panic Sell เช่น การที่ค่าเงิน US$ เมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินทั่วโลกหรือ DXYO ทะลุระดับ 110
แท็ก: