FINNOMENA-EUROPE-01

สวัสดีครับ กลับมาพบกับผม หมอนัท กันอีกครั้งนะครับ ผมคิดว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลาย ๆ ท่านคงกำลังตกใจ กับ สภาวะที่ตลาดหุ้นที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก บางคนเห็นพอร์ตการลงทุนของตนเองแล้ว ก็อยากจะเอาโปรแกรมที่ติดตามหุ้นในมือถือออกกันเลย หรือบางท่านที่เครียดมาก จนถึงกับต้องคลายเครียดด้วยการเปลี่ยนสีตัวเลขแดง ๆ ที่ติดลบในมือถือ เอามาทาสีเขียวเพื่อปลอบใจกัน (เรียกเสียงฮาใน โซเชียลเน็ตเวิร์ค ได้เยอะทีเดียว)

ผมเองก็ขอปลอบใจทุกท่านที่อ่านบทความนี้ว่า อาการแบบนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะในบ้านเราเท่านั้นนะครับ เป็นกัน “ทั่วโลก” เรียกได้ว่ามีเพื่อน ๆ ที่ติดดอยอยู่ทั่วโลกเลยครับ ไม่เหงาแน่ ๆ

สาเหตุหลัก ๆ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง ความกังวลที่มาจากหลายทาง และความกลัวก็เข้ามามีผลทางจิตวิทยาการลงทุนแบบพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เศรษฐกิจถดถอยของจีน, สหรัฐฯ จะขึ้นดอกเบี้ย, เกาหลีเหนือ-ใต้ ก็ทะเลาะกัน, การลาออกของนายกกรีซที่อาจจะจุดชนวนความไม่มั่นคงขึ้นอีกครั้ง, ราคานำ้มันตกต่ำทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานทั่วโลกปรับตัวลดลงไปด้วย และยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย

แต่นักลงทุนทั้งหลายก็ไม่ควรที่จะตื่นตระหนกไปครับ ผมอนุญาตให้ตกใจได้ แต่ก็ให้รีบตั้งสติ เพราะว่าทุกครั้งมีมีวิกฤตนั้น ย่อมมีโอกาสเสมอ

ซึ่งถ้าทุกคนตั้งสติได้แล้ว ก็ค่อย ๆ ดูว่า การที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงมาทั่วโลกนั้นมันเกินกว่าเหตุหรือไม่ เพราะว่า ตลาดหุ้นไม่ดี ไม่ได้หมายความเศรษฐกิจไม่ดี หรือ พื้นฐานบริษัทแย่ ดังนั้นถ้า มีภูมิภาคไหนที่ราคาของหุ้น หรือ บริษัทจดทะเบียนเริ่มมีราคาถูกลง เมื่อเทียบกับมูลค่าแท้จริงของกิจการละก็ มันก็เริ่มที่จะน่าสนใจลงทุนใช่ไหมละครับ

ในครั้งนี้ผมจะพาท่านมารู้จักกับกองทุนที่ลงทุนในภูมิภาคที่ผมคิดว่า การลงทุนในระยะกลาง-ยาว(3-5 ปี) นั้นเริ่มน่าสนใจ เพราะว่าภูมิภาคนี้เป็นแหล่งกำเนิดสินค้าดี ๆ มากมาย มี นวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสุขภาพ เครื่องจักร รวมถึงรถยนต์ และเป็นช่วงเวลาที่ฟื้นตัวมาได้สักพัก ส่วนแนวโน้มที่ผมเห็นก็เริ่มดีขึ้น ถึงแม้จะมีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจอยู่บ้าง เพราะมีหลายประเทศปน ๆ กันอยู่ แต่กองทุนที่ผมจะเลือกมานั้น ไปลงทุนกับบริษัทชั้นนำ ถ้าถือกองทุนนาน ๆ ก็น่าจะเห็นกำไรเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งในระยะยาวได้ ใช่ครับ นั่นก็คือ “ยุโรป”

วันนี้เรามารู้จักกองทุนที่ไปลงทุนในยุโรปและมีความน่าสนใจกันครับ โดยมีหลัก ๆ อยู่ 4-5 กองทุน คือ

  1. K-EUROPE  และ KF-HEUROPE มีกองทุน Master Fund คือ Allianz Europe Equity Value เป็นกองทุนแฝดคนละฝา เพราะคนละ บลจ. แต่ไปลงทุนในกองทุน master fund ตัวเดียวกัน กองทุนนี้จะเน้นหนักการลงทุนไปที่หุ้นพื้นฐานดีราคาถูก เน้นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสถานทางการเงินที่แข็งแรง และเน้นการลงทุนในกลุ่มแบงค์เป็นหลักเพราะว่าแนวโน้มการเติบโตได้ดีในช่วงนี้ ซึ่งผมว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว คนไหนชอบการเลือกหุ้นสไตล์พื้นฐานดี กองทุนนี้ตอบโจทย์ครับ
  2. KT-EURO มีกองทุน Master Fund คือ Invesco Cont European Sm Cp เป็นกองทุนที่เรียกได้ว่า “หวือหวา แต่คุ้มค่าความเสี่ยง” เนื่องจากกองทุนนี้ ไปลงทุน กับหุ้นขนาดเล็กที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยเน้นที่กลุ่มการเงิน และ อุตสาหกรรมครับ ถ้าใครทนความผันผวนได้ ถือนาน ๆ ผลตอบแทนที่ได้ก็น่าสนใจ
  3. TMBEG มีกองทุน Master Fund คือ Franklin European Growth Fund เป็นกองทุนที่ไม่สามารถละเลย หรือไม่พูดถึงไม่ได้ครับ เนื่องจากกองทุนนี้ทำผลตอบแทนได้ดี แถมความผันผวนก็ค่อนข้างต่ำ เน้นเลือกหุ้นพื้นฐานดีราคาถูก แถมมีหุ้นเติบโตมาผสมอยู่ด้วย โดยกองทุนจะถือหุ้นกลุ่ม อุตสาหกรรม อุปโภค-บริโภคที่ออกแนวสินค้าแฟชั่น เป็นหลักครับ ใครชอบหุ้นเติบโต ความเสี่ยงน้อยหน่อย ก็กองทุนนี้เลยครับ
  4. ASP-EUROPE VALUE มีกองทุน Master Fund คือ E.I. Sturdza Funds PLC :Strategic Europe Value Fund เป็นกองทุนน้องใหม่ที่รุ่นพี่ ๆ ต้องจับตามอง เพราะว่าเป็นกองทุนที่ผลตอบแทนย้อนหลังจาก Master Fund นั้นดีมากในช่วงนี้ 2 ปีมานี้ ความผันผวนต่ำ ทั้งนี้ก็เพราะว่ากองทุนได้เลือกหุ้นได้ค่อนข้างดี คือเป็นหุ้นขนาดใหญ่ แต่เป็นหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เน้นไปที่กลุ่มอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น และ ทางการแพทย์ หรือ Healthcare นั่นเองครับ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมผลตอบแทนช่วงหลัง ๆ แซงรุ่นพี่

5031B5BD143347638C0417ADA7017DAA

สุดท้ายนี้ก่อนจากกันผมแนะนำว่า การลงทุนในกองทุนต่างประเทศ หรือ FIF นั้นมีความเสี่ยงเรื่องของค่าเงินเข้ามาเกี่ยวด้วยซึ่งต้องมีความระมัดระวัง โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ค่าเงิน ยูโรอ่อนลงจากการทำ QE หรือ ภาษาชาวบ้านคือ การพิมพ์แบงค์ นั่นเองครับ ดังนั้นก็ควรที่จะเลือกกองทุนที่มีการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินไว้ด้วยนะครับ

บทความจาก posttoday.com 

TSF2024