DCA01

ถ้าพูดถึงวิธีการลงทุนแบบ DCA ผมเชื่อเหลือเกินครับว่า มีหลายคนรู้จักเป็นอย่างดี
การลงทุนแบบ DCA หรือชื่อเต็มคือ Dollar Cost Average
นั้นก็คือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยทุกเดือน ด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กันนั่นเองครับ

 

ตัวอย่างเช่น ผมมีเงินเดือนเดือนละ 30,000 บาท หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และมีเงินฉุกเฉินเตรียมพร้อมไว้อย่างดีแล้ว สุดท้ายเหลือเงินเดือนละ 5,000 บาท จึงนำเงินที่เหลือ เดือนละ 5,000 บาท
นั้น
มาลงทุนในกองทุนที่เราคัดเลือกมาแล้วอย่างดี

 

จากนั้นเราก็ลงทุนไปเลยครับ หลับหูหลับตา ใส่เงินไปในกองทุนทุกเดือน ซึ่งข้อดีของการ DCA นั้นจะทำให้เราไม่ต้องจับจังหวะ ไม่ต้องเสียเวลาในการติดตามข่าวสารการลงทุนมากนัก ใช้เงินจำนวนน้อยก็ลงทุนได้ และเป็นการสะสมเงินระยะยาวที่ดีจากวินัยการลงทุนของเรา

แต่ก็มีข้อเสียคือ ผลตอบแทนที่ได้อาจจะไม่สูงอย่างที่เราคิดนะครับ เนื่องจากราคาหน่วยลงทุนที่เราได้จะเป็นราคาถัวเฉลี่ย และวิธีนี้เองก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรคืออย่างน้อย ๆ ก็ 3-5 ปี กว่าจะเห็นว่า ผลตอบแทนที่เรานั้นได้ไม่ผันผวน หรือ มีโอกาสที่จะขาดทุนต่ำลงมาก ๆ และเริ่มเห็นว่าผลตอบแทนที่เราได้เริ่มดีขึ้นครับ

ยิ่งถ้าผ่านวิกฤตทางการเงิน เราจะยิ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เพราะว่าเรามีโอกาสได้หน่วยลงทุนที่ต่ำลงนั่นเอง

 

ผมเชื่อว่าต้องมีคนเริ่มที่จะอยากสะสมกองทุนแบบ DCA แล้วใช่ไหมละครับ ว่าแต่เราจะเริ่มกันวันไหนดีละครับ ?

หลาย ๆ คนก็บอกเลยว่า วันนี้ไง !! เริ่มต้นเท่าไหร่ก็ยิ่งดี !!

แต่…..ผมกำลังจะบอกว่า ไม่ใช่ครับ !! ไม่ใช่ว่าเริ่มวันไหนก็ได้นะ

เพราะเราเป็นคนไทย เราต้องดูฤกษ์ยามกันสักเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ว่าเราจะดู ลม-ฟ้าพยากรณ์ ดูดาวลูกไก่อะไร หรือ เปิดไพ่ทำนายดวงกันแบบนั้นมันไม่ใช่นักลงทุน แต่เราจะนำหลักสถิติมาใช้ครับ โดยเราจะมีดูกันว่า ซื้อวันไหนดีที่สุดกัน

ผมเชื่อว่ามีนักลงทุนหลายท่านคงเคยได้ยินมาอย่างแว่ว ๆ ว่า

“ลงทุนต้นเดือนสิ” หรือ บางคนก็บอกว่า “กลางเดือน” บางคนบอก”วันเงินเดือนออกไปเล้ย !!”
เพราะว่าถ้าไม่ใช่วันนี้ เราไม่มีเงินมาซื้อกองทุนแล้วนะ (ชีวิตโครตรันทดขนาดนั้นเลย)

 

วันนี้ผมมีคำตอบให้ครับ จากการทำทดลองทางสถิติ แบบเปิดไพ่ทำนายกัน…..ไม่ใช่ เปิดราคา NAV เพื่อที่จะทำให้ทุกท่านเห็นกันว่าวันไหนดีที่สุดครับ

 

โดยผมจะทำการ DCA กองทุน A ที่เป็น Passive Fund เปรียบเทียบกับกองทุน B ที่เป็น Active Fund เพื่อทำให้เห็นภาพมากขึ้นครับ โดยใช้ระยะเวลา 10 ปีย้อนหลังครับ

 

โดยผลการทำ DCA เป็นดังนี้ครับ

 

DCA ทุกวันที่ 5  

กองทุน A ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 10.93% ต่อปี

กองทุน B ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.41% ต่อปี

 

DCA ทุกวันที่ 15  

กองทุน A ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 11.80% ต่อปี

กองทุน B ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.87% ต่อปี

 

DCA ทุกวันที่ 25  

กองทุน A ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 11.86% ต่อปี

กองทุน B ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.89% ต่อปี

** IRR คือ ผลตอบแทนเฉลี่ยของเงินแต่ละก้อนที่เราได้ลงทุนไป
โดยคำนึงระยะเวลาการลงทุน หรือ Time Value of Money ด้วย**

และ ยิ่งไปกว่านั้น ผมได้ลองทำแบบนี้ กับหลาย ๆ กองทุน ผลก็ออกมาใกล้เคียงกันมากครับ คือ

วันที่ 25 ของทุกเดือน เป็นวันที่น่าจะเหมาะกับการทำ DCA มากที่สุดครับ

 

ต่อมา ผมได้ลอง DCA แบบ ทุกสัปดาห์เป็นเวลา 10 ปีย้อนหลัง

เพื่อหาวันที่ดีที่สุดในแต่ละสัปดาห์ในการทำ DCA สิ่งที่ผมได้มาคือ

(กองทุน C และ กองทุน D เป็น Active Fund ทั้งคู่)

 

DCA ทุกวันจันทร์  

กองทุน C ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.70% ต่อปี

กองทุน D ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 16.31% ต่อปี

 

DCA ทุกวันอังคาร

กองทุน C ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.66% ต่อปี

กองทุน D ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ  16.21% ต่อปี

 

DCA ทุกวันพุธ

กองทุน C ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.61% ต่อปี

กองทุน D ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 16.18% ต่อปี

 

DCA ทุกวันพฤหัส  

กองทุน C ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.59% ต่อปี

กองทุน D ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 16.12% ต่อปี

 

DCA ทุกวันศุกร์

กองทุน C ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.64% ต่อปี

กองทุน D ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 16.22% ต่อปี

 

จะเห็นได้ว่า วันที่ควรซื้อนั้น น่าจะเป็นวัน จันทร์ อังคาร หรือ ศุกร์ ครับ

ส่วน พุธ, พฤหัส นั้น เอาเวลาไปทำงานอย่างตั้งใจดีกว่าครับ (555+)

หลาย ๆ ท่านคงคิดในใจว่า เห้ย !! ดูแค่  2 กองทุนแค่นี้ก็ตัดสินแล้วเหรอ แน่นอนครับ คนแบบผมมีเหรอที่จะใช้แค่ 2 กองทุน ผมใช้ทั้งหมดประมาณ 4 กองทุนครับ …..!!  ไม่ใช่แระไม่น้อยขนาดนั้น แต่เป็นประมาณ 10 กว่ากองทุนที่ผมคิดว่าให้ผลตอบแทนที่พอใช้ได้สำหรับการลงทุนระยะยาว ๆ และผลส่วนใหญ่ก็เป็นไปในทางเดียวกัน

แต่เนื่องจากกว่ากองทุนที่มีผลตอบแทนย้อนหลังนาน ๆ นั้นหายากครับ แถมผมเองก็กว่าจะหา NAV ย้อนหลังได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร ดังนั้น การทดลองครั้งนี้ ถ้าจะสมบูรณ์ขึ้น ก็อาจจะเพิ่มปริมาณกองทุนในการทำ DCA ให้มากขึ้น นักลงทุนท่านไหนที่ทำ DCA อยู่แล้ว และอยากจะส่งเข้าประกวดก็ยินดีนะครับ เอามาแชร์กันนะคร้าบ

 

สรุปว่า ถ้าเชื่อผม และเชื่อสถิติย้อนหลังที่ผมยกมากล่าวอ้างแล้วละก็ บอกพนักงานธนาคาร หรือ บลจ. ไปเลยครับ ว่าจะ

“ ขอ DCA ทุกจันทร์สิ้นเดือน !!!! ”

คิดซะว่านี่เป็นลูกเล่น เล็ก ๆ น้อย ๆ จากผม หมอนัท กับบทความครั้งแรกกับ Finnomena นะครับ

ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าจะลงทุนวันไหน หรือ ออมวันไหนก็ไม่ต่างกันมาก ถ้าหากคุณมีวินัยในการลงทุน

ในทางกลับกัน ต่อให้คุณรู้ดีแค่ไหน รู้ว่าวันไหนต้องซื้อ แต่ไม่ทำอย่างมีวินัย ก็ไม่มีวันถึงฝั่งฝันอย่างแน่นอนครับ

นักลงทุนที่ดี ต้องมี วินัย…ไกรบุตร…..(โว๊ะ !! มุกแค่นี้ก็ยังเล่น)
คราวหน้าพบกันใหม่นะครับ วันนี้ลาไปก่อน (ไปตั้งวัน DCA ใหม่แป๊ป)…สวัสดีครับ

 

****สถิติย้อนหลัง ผลตอบแทนย้อนหลัง ไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคตนะครับ จะบอกให้……****

อย่าลืมตามไปกด Follow FINNOMENA Line Official Account นะครับ

เพิ่มเพื่อน