ถ้าพูดถึงวิธีการลงทุนแบบ DCA ผมเชื่อเหลือเกินครับว่า มีหลายคนรู้จักเป็นอย่างดี
การลงทุนแบบ DCA หรือชื่อเต็มคือ Dollar Cost Average
นั้นก็คือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยทุกเดือน ด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กันนั่นเองครับ
ตัวอย่างเช่น ผมมีเงินเดือนเดือนละ 30,000 บาท หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และมีเงินฉุกเฉินเตรียมพร้อมไว้อย่างดีแล้ว สุดท้ายเหลือเงินเดือนละ 5,000 บาท จึงนำเงินที่เหลือ เดือนละ 5,000 บาท
นั้นมาลงทุนในกองทุนที่เราคัดเลือกมาแล้วอย่างดี
จากนั้นเราก็ลงทุนไปเลยครับ หลับหูหลับตา ใส่เงินไปในกองทุนทุกเดือน ซึ่งข้อดีของการ DCA นั้นจะทำให้เราไม่ต้องจับจังหวะ ไม่ต้องเสียเวลาในการติดตามข่าวสารการลงทุนมากนัก ใช้เงินจำนวนน้อยก็ลงทุนได้ และเป็นการสะสมเงินระยะยาวที่ดีจากวินัยการลงทุนของเรา
แต่ก็มีข้อเสียคือ ผลตอบแทนที่ได้อาจจะไม่สูงอย่างที่เราคิดนะครับ เนื่องจากราคาหน่วยลงทุนที่เราได้จะเป็นราคาถัวเฉลี่ย และวิธีนี้เองก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรคืออย่างน้อย ๆ ก็ 3-5 ปี กว่าจะเห็นว่า ผลตอบแทนที่เรานั้นได้ไม่ผันผวน หรือ มีโอกาสที่จะขาดทุนต่ำลงมาก ๆ และเริ่มเห็นว่าผลตอบแทนที่เราได้เริ่มดีขึ้นครับ
ยิ่งถ้าผ่านวิกฤตทางการเงิน เราจะยิ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เพราะว่าเรามีโอกาสได้หน่วยลงทุนที่ต่ำลงนั่นเอง
ผมเชื่อว่าต้องมีคนเริ่มที่จะอยากสะสมกองทุนแบบ DCA แล้วใช่ไหมละครับ ว่าแต่เราจะเริ่มกันวันไหนดีละครับ ?
หลาย ๆ คนก็บอกเลยว่า วันนี้ไง !! เริ่มต้นเท่าไหร่ก็ยิ่งดี !!
แต่…..ผมกำลังจะบอกว่า ไม่ใช่ครับ !! ไม่ใช่ว่าเริ่มวันไหนก็ได้นะ
เพราะเราเป็นคนไทย เราต้องดูฤกษ์ยามกันสักเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ว่าเราจะดู ลม-ฟ้าพยากรณ์ ดูดาวลูกไก่อะไร หรือ เปิดไพ่ทำนายดวงกันแบบนั้นมันไม่ใช่นักลงทุน แต่เราจะนำหลักสถิติมาใช้ครับ โดยเราจะมีดูกันว่า ซื้อวันไหนดีที่สุดกัน
ผมเชื่อว่ามีนักลงทุนหลายท่านคงเคยได้ยินมาอย่างแว่ว ๆ ว่า
“ลงทุนต้นเดือนสิ” หรือ บางคนก็บอกว่า “กลางเดือน” บางคนบอก”วันเงินเดือนออกไปเล้ย !!”
เพราะว่าถ้าไม่ใช่วันนี้ เราไม่มีเงินมาซื้อกองทุนแล้วนะ (ชีวิตโครตรันทดขนาดนั้นเลย)
วันนี้ผมมีคำตอบให้ครับ จากการทำทดลองทางสถิติ แบบเปิดไพ่ทำนายกัน…..ไม่ใช่ เปิดราคา NAV เพื่อที่จะทำให้ทุกท่านเห็นกันว่าวันไหนดีที่สุดครับ
โดยผมจะทำการ DCA กองทุน A ที่เป็น Passive Fund เปรียบเทียบกับกองทุน B ที่เป็น Active Fund เพื่อทำให้เห็นภาพมากขึ้นครับ โดยใช้ระยะเวลา 10 ปีย้อนหลังครับ
โดยผลการทำ DCA เป็นดังนี้ครับ
DCA ทุกวันที่ 5
กองทุน A ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 10.93% ต่อปี
กองทุน B ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.41% ต่อปี
DCA ทุกวันที่ 15
กองทุน A ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 11.80% ต่อปี
กองทุน B ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.87% ต่อปี
DCA ทุกวันที่ 25
กองทุน A ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 11.86% ต่อปี
กองทุน B ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.89% ต่อปี
** IRR คือ ผลตอบแทนเฉลี่ยของเงินแต่ละก้อนที่เราได้ลงทุนไป
โดยคำนึงระยะเวลาการลงทุน หรือ Time Value of Money ด้วย**
และ ยิ่งไปกว่านั้น ผมได้ลองทำแบบนี้ กับหลาย ๆ กองทุน ผลก็ออกมาใกล้เคียงกันมากครับ คือ
วันที่ 25 ของทุกเดือน เป็นวันที่น่าจะเหมาะกับการทำ DCA มากที่สุดครับ
ต่อมา ผมได้ลอง DCA แบบ ทุกสัปดาห์เป็นเวลา 10 ปีย้อนหลัง
เพื่อหาวันที่ดีที่สุดในแต่ละสัปดาห์ในการทำ DCA สิ่งที่ผมได้มาคือ
(กองทุน C และ กองทุน D เป็น Active Fund ทั้งคู่)
DCA ทุกวันจันทร์
กองทุน C ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.70% ต่อปี
กองทุน D ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 16.31% ต่อปี
DCA ทุกวันอังคาร
กองทุน C ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.66% ต่อปี
กองทุน D ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 16.21% ต่อปี
DCA ทุกวันพุธ
กองทุน C ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.61% ต่อปี
กองทุน D ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 16.18% ต่อปี
DCA ทุกวันพฤหัส
กองทุน C ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.59% ต่อปี
กองทุน D ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 16.12% ต่อปี
DCA ทุกวันศุกร์
กองทุน C ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 14.64% ต่อปี
กองทุน D ได้ผลตอบแทน ถ้าคิดเป็น IRR จะได้ประมาณ 16.22% ต่อปี
จะเห็นได้ว่า วันที่ควรซื้อนั้น น่าจะเป็นวัน จันทร์ อังคาร หรือ ศุกร์ ครับ
ส่วน พุธ, พฤหัส นั้น เอาเวลาไปทำงานอย่างตั้งใจดีกว่าครับ (555+)
หลาย ๆ ท่านคงคิดในใจว่า เห้ย !! ดูแค่ 2 กองทุนแค่นี้ก็ตัดสินแล้วเหรอ แน่นอนครับ คนแบบผมมีเหรอที่จะใช้แค่ 2 กองทุน ผมใช้ทั้งหมดประมาณ 4 กองทุนครับ …..!! ไม่ใช่แระไม่น้อยขนาดนั้น แต่เป็นประมาณ 10 กว่ากองทุนที่ผมคิดว่าให้ผลตอบแทนที่พอใช้ได้สำหรับการลงทุนระยะยาว ๆ และผลส่วนใหญ่ก็เป็นไปในทางเดียวกัน
แต่เนื่องจากกว่ากองทุนที่มีผลตอบแทนย้อนหลังนาน ๆ นั้นหายากครับ แถมผมเองก็กว่าจะหา NAV ย้อนหลังได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร ดังนั้น การทดลองครั้งนี้ ถ้าจะสมบูรณ์ขึ้น ก็อาจจะเพิ่มปริมาณกองทุนในการทำ DCA ให้มากขึ้น นักลงทุนท่านไหนที่ทำ DCA อยู่แล้ว และอยากจะส่งเข้าประกวดก็ยินดีนะครับ เอามาแชร์กันนะคร้าบ
สรุปว่า ถ้าเชื่อผม และเชื่อสถิติย้อนหลังที่ผมยกมากล่าวอ้างแล้วละก็ บอกพนักงานธนาคาร หรือ บลจ. ไปเลยครับ ว่าจะ
“ ขอ DCA ทุกจันทร์สิ้นเดือน !!!! ”
คิดซะว่านี่เป็นลูกเล่น เล็ก ๆ น้อย ๆ จากผม หมอนัท กับบทความครั้งแรกกับ Finnomena นะครับ
ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าจะลงทุนวันไหน หรือ ออมวันไหนก็ไม่ต่างกันมาก ถ้าหากคุณมีวินัยในการลงทุน
ในทางกลับกัน ต่อให้คุณรู้ดีแค่ไหน รู้ว่าวันไหนต้องซื้อ แต่ไม่ทำอย่างมีวินัย ก็ไม่มีวันถึงฝั่งฝันอย่างแน่นอนครับ
นักลงทุนที่ดี ต้องมี วินัย…ไกรบุตร…..(โว๊ะ !! มุกแค่นี้ก็ยังเล่น)
คราวหน้าพบกันใหม่นะครับ วันนี้ลาไปก่อน (ไปตั้งวัน DCA ใหม่แป๊ป)…สวัสดีครับ
****สถิติย้อนหลัง ผลตอบแทนย้อนหลัง ไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคตนะครับ จะบอกให้……****
อย่าลืมตามไปกด Follow FINNOMENA Line Official Account นะครับ