“Imagination is more important than knowledge.”
น่าจะเป็น Quote หรือคำกล่าวที่ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดในโลกประโยคหนึ่ง ความหมายก็คือ “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” และนี่คือคำกล่าวของอัลเบิร์ท ไอสไตน์ นักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกคนหนึ่งที่คิดทฤษฎีสัมพัทธภาพที่เป็นต้นกำเนิดของการคิดค้นพลังงานปรมาณูขึ้นในโลก ดูไปแล้วคนอาจจะคิดว่ามันมีความย้อนแย้งเนื่องจากไอสไตน์นั้นเป็นนักฟิสิกส์ที่เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ “ล้วน ๆ” และเป็นคนที่น่าจะมี “ความรู้” สูงมากและคงไม่เก่งในเรื่องของ “จินตนาการ” ที่มักเป็นเรื่องของ “ศิลปะ” ที่มักจะมีรูปแบบที่ไม่แน่นอนหรือเป็นตัวเลขหรือสูตรคณิตศาสตร์ที่ชัดเจน
แต่คนที่ศึกษาประวัติและการคิดของไอสไตน์ก็จะพบความจริงว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมาจากประสบการณ์จริงของเขา มีเรื่องเล่าว่าไอสไตน์คิดค้นทฤษฎีนี้ได้โดยการ “จินตนาการ” ว่า ถ้าเราถือกระจกเงาส่องดูหน้าตนเองแล้วขี่ยานที่เคลื่อนที่เร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนเร็วเท่ากับความเร็วแสงอะไรจะเกิดขึ้น? สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เขาก็จะเห็นหน้าของเขาช้าลงเรื่อย ๆ และในที่สุดหน้าของเขาก็จะหายไปจากกระจกเพราะแสงจากหน้าเขาที่วิ่งไปสู่กระจกเงานั้นวิ่งไปเร็วเท่า ๆ กับกระจกที่เคลื่อนไปข้างหน้าโดยที่ไม่มีวันถึงกระจกซักที ถึงตรงจุดนั้นผมไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรต่อ คลับคล้ายคลับคลาว่า “เวลา” ซึ่งคนมักจะคิดว่าจะเดินไปเท่า ๆ กันสำหรับทุกคนนั้นไม่จริง เพราะคนที่เคลื่อนที่ไปเร็วมากนั้น เวลาของเขาจะช้าลงเรื่อย ๆ และในที่สุดจะหยุดอยู่กับที่ จากตรงนั้นไอสไตน์จึงใช้ “ความรู้” ทางคณิตศาสตร์ในการคิดค้นทฤษฎีที่ลือลั่นแหวกแนวจากทฤษฎีเดิมอย่างสิ้นเชิงได้ ในกรณีนี้ก็จะเห็นว่าจินตนาการสามารถก่อให้เกิดการค้นพบสิ่งที่เป็น “ความจริง” ทางวิทยาศาสตร์ได้
มนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณน่าจะเป็นหมื่นถึงสองหมื่นปีแล้วก็อาศัย “จินตนาการ” ในการแก้ปัญหาสังคมและการอยู่รอดจนในที่สุดสามารถ “ครองโลก” และมีอำนาจเหนือสัตว์ทั้งปวงได้ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเราก็เป็นแค่สัตว์ประเภทหนึ่งที่ไม่ได้เก่งหรืออยู่เหนือสัตว์อื่น ๆ ในการเอาตัวรอดและเผยแพร่เผ่าพันธุ์ ในทางสังคมศาสตร์นั้น มนุษย์สร้างจินตนาการขึ้นไม่ใช่เพื่อที่จะค้นหาความจริงแบบที่นักวิทยาศาสตร์อย่างไอสไตน์ทำ มนุษย์สร้างจินตนาการเพื่อให้คน “เชื่อ” ว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็นเรื่องจริงและเพื่อให้คนปฏิบัติตาม เหตุผลที่มนุษย์ทำแบบนั้นก็เพื่อที่จะสร้างความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวและทำในสิ่งที่ต้องใช้พลังของคนจำนวนมหาศาลเพื่อที่จะเป็นเป็นผลประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวมและเป็นผลประโยชน์ต่อคนที่สร้างจินตนาการนั้นขึ้นมาด้วย
“จินตนาการ” ที่มนุษย์สร้างขึ้นมานั้นรวมถึงเรื่องของพระเจ้า ศาสนา ภูตผีปีศาจ ประเทศชาติ และเงิน ซึ่งทั้งหมดนั้นทำให้มนุษย์มีพลังมหาศาลเพราะมันสามารถทำให้คนจำนวนมหาศาลเป็นล้าน ๆ คนประพฤติปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในแบบเดียวกันหรือสอดคล้องกันในขณะที่สัตว์อื่นทำไม่ได้ สัตว์หรือมนุษย์ในยุคดึกดำบรรพ์นั้น อย่างมากก็ร่วมมือช่วยกันทำงานได้ไม่เกิน 1 ฝูงหรือ 1 เผ่าที่สมาชิกทุกตัวหรือทุกคนต่างก็รู้จักกันดีหรือมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่เมื่อมนุษย์จินตนาการเรื่อง “บริษัท” ขึ้นมา คนเป็นร้อยเป็นพันหรือเป็นหมื่นเป็นแสนก็สามารถร่วมกันทำงานที่ยิ่งใหญ่ได้โดยคนที่ทำงานนั้นต่างก็หวังจะได้ “เงิน” ที่คน “จินตนาการ” ว่าสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าและอาหารได้ตลอดเวลาเมื่อต้องการ นี่ก็เป็นตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่า “จินตนาการ” นั้นสำคัญแค่ไหนต่อความเจริญรุ่งเรืองของมนุษยชาติ
ที่พูดมาทั้งหมดนั้นก็เพื่อที่จะสรุปว่าคนนั้นมีลักษณะที่สำคัญมากอย่างหนึ่งก็คือสามารถที่จะจินตนาการสิ่งต่าง ๆ ขึ้นโดยที่มันไม่ได้เป็นเรื่องจริงแต่เขาคิดว่ามันจริง ระหว่างความจริงกับจินตนาการนั้นแยกกันแทบไม่ออก ในอีกด้านหนึ่ง คนที่มีความรู้และสามารถคิดแยกระหว่างความจริงและจินตนาการได้นั้นมีน้อยมากและก็ไม่สามารถทำได้ทุกเรื่อง เหตุผลเพราะว่าเราถูกหล่อหลอมหรือ “ล้างสมอง” ตั้งแต่เกิดตลอดเวลาโดยสังคมหรือโดยผู้ปกครองหรือผู้ได้รับผลประโยชน์จากความเชื่อนั้นเพื่อที่ว่าเราจะได้ปฏิบัติตนตามสิ่งที่พวกเขาต้องการ แน่นอนว่าแต่ละคนก็มีความเชื่อและปฏิบัติตามในระดับที่ไม่เท่ากัน คนที่เราเรียกว่า “อนุรักษ์นิยม” ก็อาจจะเชื่อและปฏิบัติตนอยู่ในกรอบมากกว่าคนที่เป็น “เสรีนิยม” นอกจากนั้นคนที่มีความรู้มากกว่าก็อาจจะสามารถแยกแยะระหว่างความจริงและจินตนาการได้ดีกว่าคนที่มีความรู้น้อย
มาถึงประเด็นในเรื่องของการลงทุนซึ่งก็เป็นกิจกรรมสำคัญอย่างหนึ่งของคนนั้น การที่จะเป็นนักลงทุนที่ดีและประสบความสำเร็จสูงได้นั้นผมคิดว่าเราควรจะต้องเข้าใจความสัมพันธ์ของคำสามคำที่กล่าวมาข้างต้นนั่นก็คือ ความจริง ความรู้ และจินตนาการ
พื้นฐานสำคัญของการเป็นนักลงทุนก็คือ “ความรู้” โดยเฉพาะในเรื่องของธุรกิจ เริ่มต้นก็คงเป็นเรื่องของการตลาด เพราะถ้าเราไม่รู้เรื่องนี้ สิ่งที่ตามมาเช่นเรื่องรายได้ ผลกำไรและอื่น ๆ ก็อาจจะผิด และเมื่อมันผิด การวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ที่ตามมาก็ผิด ซึ่งในการลงทุนหุ้นโดยเฉพาะในระยะยาวแล้วก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงได้ ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนนั้นมีมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรจะรู้อย่างยิ่งก็คือเรื่องของ “พฤติกรรมมนุษย์” เพราะถ้าเรารู้เรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง เราก็สามารถวิเคราะห์เรื่องอื่น ๆ ได้ง่าย พฤติกรรมพื้นฐานของมนุษย์นั้นก็คือ พยายามและเพิ่มโอกาสในการเอาตัวรอดและเผยแพร่เผ่าพันธุ์ มีอุปนิสัยในการชอบสื่อสารและอยู่กันเป็นสังคมและชอบจินตนาการ
“ความจริง” สำหรับการลงทุนก็คือสถานะของตัวบริษัท ไล่มาตั้งแต่บริษัททำสินค้าอะไร อยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต อิ่มตัวหรือถดถอย ตัวบริษัทเองอยู่ในตำแหน่งไหน อันดับที่เท่าไร ความสามารถในการแข่งขันเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับรายอื่น จากนั้นก็ต้องดูผลประกอบการและฐานะการเงินที่ผ่านมาอย่างน้อย 4-5 ปีจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นก็ควรจะต้องดูถึงราคาหุ้นและความถูก-แพงในอดีตที่ผ่านมาและอื่น ๆ ว่ามีความสมเหตุผลหรือไม่และอาจจะหาเหตุผลว่าเป็นเพราะอะไร ในขณะที่คิดถึงเรื่องของความจริงอย่าเอาการคาดการณ์หรือจินตนาการเข้ามาเกี่ยวข้องมิฉะนั้นเราอาจจะเกิดความลำเอียงได้
การ “จินตนาการ” นั้นสำคัญมาก แต่ในกรณีนี้เราต้องจินตนาการจากความรู้ทางธุรกิจและอื่น ๆ ที่กล่าวแล้ว อย่ามีความลำเอียงที่อาจจะเกิดขึ้นกับการที่เรามีความประทับใจกับผู้บริหารหรือหรือลำเอียงเพราะเราถือหุ้นอยู่ และที่สำคัญมากก็คือ อย่าจินตนาการเพราะเราไปรับฟังจินตนาการของคนอื่นที่อยากให้เราเชื่อเพื่อให้เราอยากซื้อหุ้นซึ่งจะทำให้หุ้นมีราคาขึ้นและเขาได้ประโยชน์
การจินตนาการที่เป็นอิสระจากจินตนาการและความเชื่อของคนจำนวนมากนั้น จะช่วยให้เราจินตนาการอย่างถูกต้องตรงกับความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราลงทุนได้ถูกต้องไม่ผิดพลาดในระยะยาว สำหรับนักลงทุนระยะสั้นนั้น การจินตนาการจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้องก็อาจจะไม่ได้มีความสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือจินตนาการนั้นทำให้คน “เชื่อ” และ “ปฏิบัติตาม” ตัวอย่างเช่น คุณ “สร้างจินตนาการ” ว่าบริษัทกำลังจะสามารถยึดหรือเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศที่ใหญ่โตได้แล้วสื่อสารมันออกไปจนคน “เชื่อ” อาจจะเพราะการเพิ่มขึ้นของยอดขายในระยะสั้นและการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นอย่างโดดเด่น ผลก็คือ ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปสูงพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น คุณขายหุ้นทิ้งด้วยกำไรมหาศาล แต่หลังจากนั้นหุ้นก็ตกกลับสู่ที่เดิมเนื่องจากจินตนาการนั้นไม่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้น คนที่เข้าไปซื้อหุ้นในราคาสูงขาดทุนหนักและนี่ก็คือความเสี่ยงของคนที่ขาดความรู้และเชื่อในจินตนาการของคนอื่น
วิธีที่จะป้องกันตนเองจากอันตรายรวมถึงการที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวจากการลงทุนก็คือศึกษา Fact หรือความจริงที่เป็นอยู่ มีความรู้ที่จำเป็นและหลากหลายที่จะสร้างจินตนาการที่ถูกต้องและป้องกันตัวเองจากการสื่อสารจินตนาการที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงของคนอื่น ทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนักโดยเฉพาะในยุคที่การส่งข้อมูลและข่าวสารทำได้รวดเร็วและมีต้นทุนที่ต่ำมากในปัจจุบัน
ที่มาบทความ: thaivi.org