ผมเพิ่งกลับจากการพักผ่อนในช่วงวันปีใหม่ที่เชียงใหม่หลังจากที่ไม่ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่มานานหลายปีทั้ง ๆ ที่เดินทางไปบรรยายอยู่บ่อย ๆ เชียงใหม่นั้นผมคิดว่ามีศักยภาพในการที่จะเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทยอยู่มาก เหตุผลก็เพราะว่าเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่เป็นภูเขาบางส่วนและมีผู้คนที่เป็นมิตร ผมเดินทางเองและเช่ารถพร้อมคนขับเพื่อนำไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตามที่ผมต้องการ และก็เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวทุกครั้ง ผมสังเกตและคิดถึงกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้คนทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ให้บริการ ดูว่าพวกเขาทำอะไรและอย่างไร สิ่งที่เขาทำนั้นมีค่าหรือมีคุณค่ามากน้อยแค่ไหนและในอนาคตจะเป็นอย่างไร รุ่งเรืองขึ้นหรือตกต่ำลง
การท่องเที่ยวที่เชียงใหม่นั้น ในอดีตผมรู้สึกว่าคนกลุ่มหนึ่งที่มีความสำคัญยิ่งยวดก็คือคนที่ขับรถพาเราไปสถานที่ต่าง ๆ เพราะเขาคือคนที่รู้ว่าจะไปทางไหนรวมถึงสามารถบอกได้ว่าสถานที่นั้นน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน นี่คือสองสิ่งที่เราที่เป็นคนต่างถิ่นไม่รู้และไม่สามารถทำได้ หรือถ้าไปถูกที่ก็อาจจะต้องหลงทางเสียเวลามากเพราะไปในเส้นทางที่รถติดหรือเป็นทางอ้อมหรือกำลังอยู่ในช่วงซ่อมแซมอะไรต่าง ๆ ทำนองนี้ อย่างไรก็ตาม นั่นคือ “อดีต” การเดินทางตลอดทริปนี้ของผมนั้น มีสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงก็คือ การปรากฏตัวของ “กูเกิลแม็พ” และแอ็บนำทางของมันที่ผมก็เพิ่งเริ่มใช้และก็เริ่มรู้สึกถึงคุณค่าของมันมหาศาล เหตุผลเนื่องจากมันสามารถช่วยลดเวลาในการเดินทางของผมลง เดี๋ยวนี้แม้แต่จะเดินทางไปตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ผมรู้ทางดีมาก ผมก็ยังเปิดกูเกิลแม็พดูก่อนออกเดินทาง เหตุผลก็คือ บางครั้งมันบอกให้ผมเปลี่ยนเส้นทางที่คุ้นเคยเพราะในขณะนั้นรถกำลังติด เส้นทางที่มันบอกอาจจะอ้อมไปไกลกว่าแต่ถนนว่างและใช้เวลาน้อยกว่า ผมพบว่ากูเกิลมักจะแนะนำเส้นทางได้ถูกต้องกว่าที่เราคิด เหตุผลก็คือกูเกิลมีข้อมูลจราจร “ปัจจุบัน” ในขณะนั้น และมีความสามารถในการคาดการณ์เวลาได้เหนือกว่าทักษะของเรามาก
“น่าจะเลี้ยวขวานะครับ เส้นทางนี้จะใช้เวลาแค่ 25 นาทีก็ถึงโรงแรม” ผมเกริ่นแนะนำคนขับรถหลังจากเปิดดูกูเกิลแม็พนำทาง แต่เขาตอบว่า “ต้องไปทางซ้ายครับ ไปทางขวารถติดมาก มันเป็นทางผ่านถนนคนเดิน วันนี้รถจะติดหนัก” หลังจากรถถูกเลี้ยวไปทางซ้าย กูเกิลแม็พก็เปลี่ยนเส้นทางให้ใหม่และบอกว่าจะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็น 35 นาที เนื่องจากรถติดและเส้นทางยาวขึ้น เขาขับรถตามเส้นทางที่เขาเลือกและคราวนี้ตรงกับเส้นทางของกูเกิลแม็พ ระยะเวลาที่ใช้จริง ๆ เมื่อถึงโรงแรมก็คือ 36 นาที ต่างจากการคาดการณ์ของกูเกิลแม็พเพียง 1 นาที ในขณะที่เขาคาดการณ์ว่าคงถึงโรงแรม “ประมาณ 45 นาที”
คนขับรถของผมที่ “เชี่ยวชาญเชียงใหม่” มากขนาด “หลับตาก็ไปถูก” เพราะอาศัยอยู่ในเมืองเชียงใหม่และทำงานขับรถพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวทั่วเชียงใหม่มากว่า 20 ปี และมีประสบการณ์ที่จะบอกได้ว่าเส้นทางไหนโดยเฉพาะในเมืองรถจะติดและติดช่วงเวลาไหนนั้น ถูกผม “ทดสอบความสามารถ” แทบจะตลอดทริป นั่นคือ ผมลองเปิดกูเกิลแม็พเปรียบเทียบกับเส้นทางที่เขาไป บ่อยครั้งผมพบว่าเขาไม่ได้ไปตามเส้นทางที่เสนอโดยกูเกิลและก็พบว่ามันใช้เวลามากกว่าตลอด แต่ในเส้นทางที่เขาขับตรงกับที่เสนอโดยกูเกิลแม็พ เวลาที่ใช้ก็จะตรงกับที่กูเกิลแม็พบอก ความแตกต่างมักจะไม่เกิน 5 นาที ผมสรุปโดยแทบจะไม่มีข้อสงสัยว่า กูเกิลแม็พมีความสามารถในการนำทางเหนือกว่าทักษะของ “ผู้เชี่ยวชาญ” การขับรถในเมืองเชียงใหม่ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี และผมก็คิดว่ามันเก่งกว่านักขับรถทุกคนในโลกนี้ด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นคนขับแท็กซี่ลอนดอนที่เคยมีชื่อว่ารู้จักเมืองลอนดอนทุกตารางนิ้วหรือคนขับรถแท็กซี่ในกรุงเทพที่รู้ “เส้นทางลัด” ทุกแห่งที่จะพาเราไปจุดหมายเร็วที่สุด
ผมคิดว่าเทคโนโลยีดิจิตอลของโลกนั้นก้าวหน้าไปเร็วและสูงมากซึ่งทำให้ AI นั้นฉลาดกว่าคนไปแล้วในเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นกิจกรรมเฉพาะอย่างที่มีแบบแผนแน่นอน แม้แต่เกมโกะที่มีความซับซ้อนมโหฬาร AI ก็เอาชนะแชมป์โลกไปแล้วนับประสาอะไรกับแค่เรื่องการแข่งหาเส้นทางถนนที่จะไปเร็วที่สุดสู่จุดหมาย แต่คนจำนวนมากก็ไม่ได้ตระหนัก แม้แต่คนที่มีอาชีพขับรถเองนั้น ผมคิดว่าส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้ตระหนักว่าความรู้ความเข้าใจถนนและสภาพการจราจรที่เขามีอยู่นั้น บัดนี้ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว กูเกิลสามารถจัดให้โดยที่แทบจะไม่ต้องเสียเงินเลย คนขับรถมืออาชีพส่วนใหญ่ในประเทศไทยเองผมคิดว่ายังไม่ได้ใช้กูเกิลแม็พด้วยซ้ำ เขาอาจจะคิดว่าไม่จำเป็น บางคนก็คิดว่ากูเกิลไม่ได้รู้ดีไปกว่าเขา เขารู้ว่า “ถนนเส้นนี้ติดเวลานี้ทุกวันเพราะ…” ในขณะที่กูเกิลแม็พนั้นอาจจะรู้ว่า “ถนนเส้นนี้เวลานี้บังเอิญไม่ติด” ดังนั้นถ้าคุณไป คุณจะเซฟเวลาไปหลายนาที
นอกจากเรื่องการเดินทางแล้ว สิ่งที่ผมพบอีกอย่างหนึ่งก็คือ คนขับรถนำเที่ยวที่เราคิดว่าต้องรู้เรื่องว่าสถานที่นั้นมีอะไรน่าสนใจ มีสินค้าเช่นเครื่องเซอรามิกขายไหม มันเปิดหรือเปล่าในวันนั้น อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ก็ดูเหมือนว่าคนขับรถตอบไม่ค่อยได้หรือไม่ตรงกับความเป็นจริงเท่ากับอินเตอร์เน็ตโดยเฉพาะที่ถูกค้นคว้าผ่านกูเกิล ความน่าสนใจของสถานที่นั้นก็ไม่ได้สะท้อนผ่านความเห็นของคนขับรถที่อาจจะมีรสนิยมแตกต่างจากเรา แต่ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์หรือรีวิวโดยผู้คนจำนวนมากผ่านอินเตอร์เน็ตที่เราสามารถดูได้ทันที ดังนั้น เวลาผมคิดจะไปเที่ยวที่ไหนในเชียงใหม่ ผมก็แทบจะไม่ต้องถามใครและถ้าถามก็อาจจะผิดทำให้เราพลาดไม่ได้ไปหรือไปแล้วก็ผิดหวังเพราะมันไม่น่าสนใจ ผมถามแต่กูเกิล สรุปแล้ว ความรู้หรือทักษะเกี่ยวกับความน่าสนใจของสถานที่ท่องเที่ยวของคนขับรถนำเที่ยวเองก็แทบจะหมดค่าไปแล้วในยุคนี้
คิดไปแล้ว ผมคิดว่าคุณค่าของคนขับรถในเวลานี้ก็คือ “การขับรถ” เท่านั้น จริงอยู่ เขาก็คงจะมีงานทำไปเรื่อย ๆ เนื่องจากการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตต่อไปของเมืองเชียงใหม่หรือเมืองอื่น ๆ และนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็ยังเป็น “คนรุ่นก่อน” ที่ยังไม่ได้ใช้กูเกิลแม็พเหมือนกัน เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ถ้าคุณขับเองจะหาที่จอดรถที่ไหนที่สะดวกเวลาไปสถานที่ท่องเที่ยวและเรื่องอื่น ๆ อีกหลายเรื่อง ถ้าเป็นประเทศเจริญแล้วที่ค่าแรงแพงมากและสถานที่สะดวกสบายและมีสาธารณูปโภคดีรองรับนักท่องเที่ยว คนก็จะสามารถขับรถท่องเที่ยวได้เอง อาชีพคนขับรถก็จะหมดไป หรือไม่อย่างนั้นก็คือ การปรากฏตัวขึ้นมาของรถที่ขับเคลื่อนเองอย่างสมบูรณ์ที่คาดว่าจะมาในอีก 10-20 ปีข้างหน้า ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น อาชีพขับรถก็จะหมดคุณค่าลงและอาจจะสูญสลายไปในที่สุด ผมเองคงไม่ถูกกระทบอะไร แต่คนทำงานที่เกี่ยวข้องและภาวะเศรษฐกิจอาจถูกกระทบอย่างมีนัยสำคัญได้
ในระหว่างนี้ ดูเหมือนว่าคนทั่วไปรวมถึงคนขับรถทั้งหลายก็ไม่ได้เดือดร้อนหรือสนใจใช้กูเกิลแม็พนำทางมากนักไม่ต้องพูดถึงว่าอาชีพของคนเป็นล้านอาจจะต้องตกต่ำลงอย่างรุนแรงในที่สุด แต่นี่ก็ไม่ควรทำให้เราไม่ตระหนักถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะในเรื่องของเทคโนโลยีนั้น บ่อยครั้งเมื่อมันถึงจุดหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงจะรวดเร็วจนคนที่อยู่ในวงการตามไม่ทันและนั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า “Disruptive” ที่ “ทำลาย” สิ่งเดิมออกเป็นเสี่ยง ๆ ถ้ายังไม่เข้าใจก็ลองดูคนที่อยู่ในวงการสิ่งพิมพ์และสื่อเก่าทั้งหลายที่กำลังตกงานและต้องหางานใหม่ที่ไม่เหมือนเดิมดูก็ได้
ที่มาบทความ : http://www.thaivi.org/ทักษะที่กำลังหมดค่า/