โลกยุคปัจจุบันที่การแข่งขันเข้มข้นมากนั้น ผู้คนต่างก็ต้องการ “ตัวช่วย” ที่จะมา “สร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ให้กับชีวิต” และตัวช่วยที่ว่านั้นก็คือ “เทคนิคสร้างฝันและกำลังใจ” ที่จะสร้างพลังให้กับคนเพื่อที่จะทุ่มเทให้กับงานหรือสิ่งที่จะต้องทำ และด้วยพลังที่ “ยิ่งใหญ่” ที่จะเกิดขึ้นนี้เองจะทำให้เราประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ คุณจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคที่หนักหนาไปได้ไม่ว่าคุณจะเสียเปรียบหรือด้อยกว่าแค่ไหนก็ตามถ้าคุณปฏิบัติตามแนวทางและเทคนิคต่าง ๆ ที่ “โค้ช” แนะนำ เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ โค้ชเหล่านั้นต่างก็ “ประสบความสำเร็จมาแล้ว” จากการใช้เทคนิคเหล่านั้น นี่คือแนวความคิดที่มีแพร่หลายมากมาย หนังสือถูกตีพิมพ์ออกมาจำนวนมาก หลายเล่มเป็นหนังสือขายดี บางเล่มกลายเป็นหนังสือคลาสสิกที่ขายดีต่อเนื่องมาหลายสิบปี ผมเองไม่รู้ว่าคนที่อ่านสามารถนำแนวคิดและหลักการมาใช้และประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ส่วนตัวผมเองคิดว่ามันคงช่วยให้เขาทำได้ดีขึ้น แต่จะเท่ากับที่เขา “ฝัน” หรือเปล่านั้น ผมคิดว่าส่วนใหญ่คงจะไม่ ผมคิดว่าความสำเร็จจริง ๆ จะเกิดขึ้นได้ยากถ้าคุณมีแต่ความฝันและมีเทคนิคที่จะทำให้คุณดีหรือเก่งขึ้น แต่มันอาจจะไม่พอ ผมคิดว่าคนจะประสบความสำเร็จที่ “ยิ่งใหญ่” ได้นั้น เขาจำเป็นที่จะต้องมี “ปัจจัยแห่งความสำเร็จ” ที่บ่อยครั้งมันสร้างไม่ไหว มันต้อง “ติดตัว” มาตั้งแต่เกิด
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ
โดยทั่วไปแล้ว ปัจจัยแห่งความสำเร็จ หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ปัจจัยที่ “ช่วยสนับสนุน” ให้ประสบความสำเร็จ ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดนั้นก็คือ รูปร่าง หน้าตา และสมอง โดยรูปร่างส่วนที่สำคัญก็คือเรื่องของความสูงใหญ่ที่จะช่วยทำให้เจ้าตัวมีโอกาสใช้ในงานอาชีพและกิจกรรมสารพัดอย่างที่ความสูงทำให้ “ได้เปรียบ” ตัวอย่างชัดเจนก็คือเรื่องของกีฬา อย่างไรก็ตามความสูงยังทำให้ได้เปรียบในงานอื่นมากมายรวมถึงงานแสดงและการบริหารคนในทุกวงการ ดังนั้น คนที่เกิดมาสูงใหญ่ก็ต้องถือว่า “ได้เปรียบ” เช่นเดียวกัน หน้าตาที่สวยหรือหล่อเหลา ผิวพรรณที่ดี ความมี “เสน่ห์” จากการยิ้มและสายตารวมทั้งเสียงที่ไพเราะ สิ่งเหล่านี้ก็คล้าย ๆ กับรูปร่างที่จะทำให้ได้เปรียบโดยเฉพาะในงานที่เกี่ยวกับการแสดงต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการร้องเพลง แสดงภาพยนตร์ ถ่ายโฆษณา และงานอื่น ๆ อีกหลายอย่าง อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีความสวยงามก้าวหน้าขึ้นมากนั้น ข้อได้เปรียบส่วนนี้ก็อาจจะลดลงไปบ้าง
ในด้านของสมองและ “จิตใจ” นั้น คนที่เกิดมามี IQ สูงก็ต้องถือว่าได้เปรียบมากและน่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มาก เหตุผลก็เพราะในกิจกรรมหรืองานอาชีพจำนวนมากนั้นต่างก็อาศัยคนที่มีความรู้สูงในการทำงาน อย่างไรก็ตาม IQ เองนั้นมักจะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะงานส่วนใหญ่ที่ต้องอาศัย IQ มาก ๆ นั้นมักเป็นงานทางเทคนิคหรือเป็นงานที่เป็น “วิชาชีพ” ที่มักจะสัมผัสกับคนจำนวนไม่มากและความสำเร็จของงานเองนั้นก็มักจะไม่โดดเด่นเกินกว่าคนอื่นที่อยู่ในวิชาชีพเดียวกันมากนัก ผลก็คือ ผลตอบแทนที่จะได้รับจากความสำเร็จจะสูงแต่ไม่สูงมาก ๆ เหมือนในแวดวงอื่น ตัวอย่างของอาชีพก็เช่น นักวิจัย แพทย์ วิศวกร นักการเงินและวิเคราะห์หลักทรัพย์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การมี IQ ที่สูงพอสมควรและเหนือกว่าค่าเฉลี่ยเช่น IQ 120 ขึ้นไปนั้น ผมคิดว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการที่จะทำให้ได้เปรียบในการนำไปสู่ความสำเร็จ เพราะนี่คือคนที่จะมีความสามารถในการศึกษาเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญมากที่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่สูงมากได้
นอกจาก IQ แล้ว ผมคิดว่า EQ หรือความสามารถทางอารมณ์ ก็มีส่วนสำคัญในความสำเร็จ เพราะ EQ ที่ดีนั้นจะช่วยให้สามารถดีลกับคนต่าง ๆ ได้ดี และนี่ก็เป็นเรื่องสำคัญในงานที่เกี่ยวกับคนมาก ๆ เช่นการบริหารคนเป็นต้น ใกล้เคียงกับเรื่องของ EQ ก็คือเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นปัจจัยสำคัญมากถ้าจะประสบความสำเร็จมาก ๆ โดยเฉพาะในโลกปัจจุบันที่คนต่างก็มักจะ “ตามทันกันหมด” คนที่จะโดดเด่นจริง ๆ ก็คือคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง สุดท้ายที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสมองก็คือเรื่องของ Gift หรือความเชี่ยวชาญพิเศษหรือมีพรสวรรค์ที่คนบางคนอาจจะมี “ติดตัว” มาซึ่งจะทำให้เขาประสบความสำเร็จในเรื่องนั้นได้มาก แน่นอนที่ว่าไม่มีใคร “เก่งมาตั้งแต่เกิด แต่คนที่มี “พรสวรรค์” นั้น เขาสามารถทำมันได้ดีกว่าคนอื่นด้วยความพยายามเท่ากัน และถ้าเขาฝึกฝนต่ออย่างเต็มที่ โอกาสที่เขาจะเป็นเลิศก็จะมีมากกว่าคนอื่น
สุดท้ายของปัจจัยในความสำเร็จที่ “ติดตัว” มานั้นยังอยู่ที่ Background หรือภูมิหลังของครอบครัวด้วย โดยเฉพาะในสังคมไทยที่คนยังติดยึดกับเรื่องของ “ระดับชั้นทางสังคม” อยู่มากนั้น การที่คุณจะประสบความสำเร็จสูงมากได้บางทีก็ขึ้นอยู่กับว่าพ่อแม่หรือครอบครัวมีฐานะอย่างไรในสังคม ถ้าคุณเกิดในครอบครัวที่เป็น Elite หรือชนชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นด้านของการเมืองการปกครองหรือเป็นนักธุรกิจใหญ่ คุณก็ได้เปรียบคนอื่นอยู่มากในการที่จะประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยข้อนี้คงจะค่อย ๆ ลดระดับความสำคัญลงในสังคมที่น่าจะก้าวหน้าขึ้นในอนาคต
การมีปัจจัยความสำเร็จที่ติดตัวมานั้นจะไม่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้มากหากเราไม่รู้ว่างานอะไรจะต้องอาศัยปัจจัยข้อไหน ถ้าคุณมีรูปร่างหน้าตาที่ดีมากแต่ไปทำงานวิจัย แบบนี้ก็อาจจะไม่ทำให้คุณประสบความสำเร็จอะไรมากนัก แต่ถ้าไปเป็นดาราคุณอาจจะกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้
ลองมาดูว่างานอะไรต้องการปัจจัยความสำเร็จด้านไหนบ้าง?
ถ้าคุณทำงานเป็นพนักงานกินเงินเดือนและหวังว่าจะก้าวหน้าเติบโตกลายเป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กรเอกชนหรือบริษัทขนาดใหญ่ สิ่งที่ต้องการก็คือ อย่างน้อยคุณควรจะต้องมี IQ สูงพอประมาณ เริ่มจากการทำงานทางด้านเทคนิคที่ใช้วิชาชีพ คุณจะต้องมี EQ ที่ดี เพื่อให้เป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย มีความคิดสร้างสรรค์บ้างเพื่อให้เห็นถึงความโดดเด่น มีรูปร่างที่สูงใหญ่ที่จะทำให้ได้รับการ “ยอมรับ” ว่าเหมาะสมที่จะเป็น “ผู้นำ” ได้ นี่ก็เป็นเรื่องที่ Typical หรือปกติ แน่นอน คนบางคนก็อาจจะมีปัจจัยอื่นหรือขาดปัจจัยบางอย่างที่กล่าวถึงแต่ก็ประสบความสำเร็จได้ พวกเขาอาจจะเป็นข้อยกเว้น
ถ้าเป็นข้าราชการหรือรัฐวิสาหกิจ การที่จะประสบความสำเร็จสูงนั้น ปัจจัยที่เกี่ยวกับการเป็นพนักงานบริษัทเอกชนก็น่าจะช่วยได้มาก อย่างไรก็ตาม คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องเก่งมากนักทั้งทางด้านเทคนิคและการเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อน และบางทีคุณอาจจะไม่ต้องการความคิดสร้างสรรค์อะไรเลย สิ่งที่ต้องการกว่าอาจจะเป็นเรื่องของความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของเจ้านายและการมีพื้นฐานทางครอบครัวที่ดีก็เป็นได้
ถ้าคุณทำงานที่เป็นเรื่องของการเป็น “มืออาชีพ” เช่นเป็นหมอ เป็นวิศวกร นักบัญชี หรือ นักการเงิน การมี IQ ที่ดีน่าจะเป็นปัจจัยที่ค่อนข้างสำคัญต่อความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยอย่างอื่นเช่น เรื่องของความคิดสร้างสรรค์ก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้คุณ “แตกต่าง” ซึ่งอาจจะทำให้คุณโดดเด่นและประสบความสำเร็จได้สูง
ผมไม่มีหน้ากระดาษพอที่จะอธิบายถึงงานหรืออาชีพต่าง ๆ อีกมากมายที่ต้องการปัจจัยความสำเร็จที่แตกต่างกัน สิ่งที่ผมอยากจะสรุปก็คือ เราต้องวิเคราะห์ว่า เรามีปัจจัยอะไร “ติดตัว” บ้าง และเราจะใช้มันในการทำงานหรืออาชีพอะไรที่มันเหมาะสม เพราะว่าถ้าเราไม่วิเคราะห์เราก็อาจจะเลือกทำในสิ่งที่เราเสียเปรียบหรือไม่ได้เปรียบอะไรเลย ซึ่งการทำแบบนั้นจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ยาก อย่าใช้ “พลังใจ” ทำในสิ่งที่เรา “ไม่ควรทำ” เพราะนั่นอาจจะกลายเป็นเรื่อง “ดันทุรัง” ที่ไม่ช่วยอะไรเราเลย สุดท้ายมันจะเป็นเรื่องที่เรา “ฝันไกลแต่ไปไม่ถึง”
ที่มาบทความ : โลกในมุมมองของ Value Investor
http://www.settrade.com/blog/nivate/2016/07/25/1756