dr-niwes chinese tourists

ผมอาศัยอยู่ใน ถนนรางน้ำมาประมาณ 30 ปีแล้ว ช่วงแรก ๆ นั้น ถนนเส้นสั้น ๆ ที่ยาวเพียง 400-500 เมตร นี้ “เงียบมาก” โดยเฉพาะในตอนค่ำที่คนที่อยู่อาศัยต่างก็กลับเข้าบ้านหลังจากกลับจากการทำงาน ชุมชนใน “ซอยรางน้ำ” ตามที่เรียกกันในสมัยนั้นเล็กมากและประกอบไปด้วยคน “รุ่นเก่า” จำนวนมากรวมถึงคนใน “อาคารสงเคราะห์ทหารผ่านศึก” ที่เก่าแก่และอยู่มานานจนกองถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง “Good Morning Vietnam” ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำแทน “ชุมชนเวียดนาม” สมัยที่เวียดนามทำสงครามกับอเมริกา เวลาผ่านไปน่าจะประมาณ 20 ปี กรุงเทพขยายตัวขึ้นมาก ถนนรางน้ำและบริเวณข้างเคียงเริ่มมีการก่อสร้างอาคารใหม่ ๆ เกิดขึ้นอานิสงค์จากการที่ที่ดินมีราคาไม่แพงแต่อยู่ใกล้ใจกลางเมืองของกรุงเทพ โดยที่อาคารใหญ่ที่สุดก็คือ “คิงเพาเวอร์” ร้านค้าปลอดภาษีและโรงแรมพูลแมน ตามมาด้วย “เซ็นจูรี่มอล” ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้มอลที่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนรางน้ำก็เริ่มมีความคึกคักมากขึ้น อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงเป็น “ซอยเล็ก ๆ” ที่ผู้คนในพื้นที่อาศัยอยู่และค้าขายให้กันและกันเป็นหลัก มีคนนอกเข้ามาทำกิจกรรมต่าง ๆ น้อยมากโดยเฉพาะในยามค่ำคืน

แต่แล้ว ซักประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป ซอยที่ผมใช้เดินหาอาหารเย็นกินหลังจากการออกกำลังที่ “สวนสันติภาพ” ที่มาแทนอาคารสงเคราะห์ เกือบทุกวันก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจีนทั้งที่มาซื้อสินค้าที่คิงเพาเวอร์และที่พักอาศัยอยู่ตามโรงแรมและอพาร์ทเม้นท์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับนักท่องเที่ยวที่อยู่ในบริเวณนี้ซึ่งรวมถึงอพาร์ทเม้นท์ข้างบ้านผมที่ถูกปรับเปลี่ยนให้มารับนักท่องเที่ยวจีนแทนที่ผู้เช่าคนไทยก่อนหน้านี้ บ้านพักของคนไทยที่อยู่มานานบนถนนรางน้ำต่างก็ถูกไล่หรือย้ายออกเพื่อแปลงให้เป็นสถานที่ค้าขายโดยเฉพาะให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินกันเต็มซอยในช่วงหัวค่ำและดึก ร้านค้าเหล่านี้ไม่ใช่ร้านค้าขนาดใหญ่เนื่องจากไม่มีที่ที่จะสร้าง มันเป็นร้านค้าเล็ก ๆ รวมถึงแผงลอยที่ผุดขึ้นมากมาย แต่ร้านที่น่าสนใจที่สุดดูเหมือนจะเป็นร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่ทยอยผุดขึ้นมาจนมีถึง 6 สาขาบนถนนที่สั้นนิดเดียวนี้ ทั้งหมดนั้นเพื่อที่จะรองรับนักท่องเที่ยวจีนที่ “หลั่งไหล” เข้ามาเที่ยวประเทศไทย เวลาเพียงไม่กี่ปี นักท่องเที่ยวจีนจากจำนวนที่แทบไม่มีนัยสำคัญได้กลายเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดที่มีจำนวนถึงเกือบ 6 ล้านคนหรือประมาณ 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เข้ามาเมืองไทยในครึ่งปี 2559 ที่ผ่านมาและน่าจะยังเพิ่มขึ้นไปอีกในอนาคต

พฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติในประเทศไทยเองนั้นจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

จากที่มักจะเป็นชาวตะวันตกที่พักโรงแรมหรู ๆ ใช้เวลากับชายหาดหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นโบราญสถานเป็นเวลานานและอาจจะซื้อสินค้าที่ระลึกราคาแพง เหตุผลก็เพราะคนจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่เหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนชั้นกลางที่เพิ่งเดินทางออกนอกประเทศ พวกเขาน่าจะต้องการหา “ประสบการณ์ใหม่ ๆ” ในต่างแดนด้วยเม็ดเงินค่าใช้จ่ายจำนวนไม่มากแต่ได้รับความสุขที่เต็มเปี่ยมซึ่งรวมถึงการซื้อสินค้าและของที่ระลึกที่ “แปลก ราคาไม่แพงแต่ไม่มีในประเทศจีน” กลับไปฝากเพื่อนและญาติมิตรเพื่อเป็นการแสดงว่าได้เดินทางไปต่างประเทศคือเมืองไทยมาแล้ว

กระแสของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงเร็ว ๆ นี้นั้น แน่นอน ส่งผลดีต่อสินค้าที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดยตรง เช่น สนามบิน สายการบินต้นทุนต่ำที่พวกเขามักใช้บริการ โรงแรมราคาถูกระดับไม่เกิน 3 ดาว สถานที่ท่องเที่ยวที่มีการแสดงและเก็บเงินเช่นรายการโชว์ทางวัฒนธรรมและการแสดงต่าง ๆ ที่ “Exotic” หรือแปลกและหาดูไม่ได้ในประเทศจีน เช่น การแสดงโชว์ของสาวประเภทสองหรือการแสดงการทำงานหรือการละเล่นของช้าง เป็นต้น

แต่สิ่งที่ผมคิดว่ากระแสการท่องเที่ยวของคนจีนที่คนยังไม่ตระหนักอีกอย่างหนึ่งและอาจจะเกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียนที่ไม่ได้ทำธุรกิจท่องเที่ยวโดยตรงก็คือการขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวคนจีนนิยมมาซื้อหรือใช้บริการในประเทศไทย เหตุผลก็เพราะด้วยจำนวนมหาศาลของนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามานั้น พวกเขาช่วยให้ยอดขายของบริษัทที่ผลิตสินค้าหลาย ๆ อย่างที่เป็น “สินค้ายอดนิยมของคนจีน” เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะที่เป็นสินค้าราคาไม่แพงที่เป็น “นิช” หรือสินค้าที่ไม่ได้มีตลาดใหญ่นักของเมืองไทย

การได้เห็นพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนและเข้าร้าน 7-11 ในซอยรางน้ำของผมนั้น ทำให้ผมรู้ว่าว่านักท่องเที่ยวชาวจีนนั้นชอบทำอะไร กินหรือซื้ออะไรเป็น “ของฝากจากเมืองไทย”

เรื่องแรกก็คือ พวกเขาจำนวนมากชอบ “เที่ยวดึกหรืออยู่ดึก” แม้แต่เวลาหลังเที่ยงคืนแล้วผมก็มักจะได้ยินเสียงคนจีนพูดเสียงดังผ่านหน้าบ้านและที่อยู่ในอพาร์ทเม้นท์ข้างบ้านผม ผมไม่รู้ว่าพวกเขาไปไหนมาแต่คิดว่าอาจจะไปดื่มที่ไหนซักแห่ง “แถว ๆ นี้” หรือไม่ก็มาจาก “เอเซียที้ก” มอล ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวย่านถนนเจริญกรุงที่เปิดเฉพาะกลางคืนก็เป็นได้

เรื่องที่สองที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องแรกก็คือพวกเขาชอบที่พักที่ราคาถูก สะอาด เดินทางสะดวกไม่ต้องหรูหรา เหตุผลก็เพราะพวกเขามักจะเข้ามาใช้เฉพาะตอนนอนเฉย ๆ ไม่ได้ทำอย่างอื่นมากนัก และนี่ก็คงเป็นผลดีต่อโรงแรมแบบ Budget Hotel หรืออพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ในหรือใกล้สถานที่ที่พวกเขาจะไปเที่ยวและอยู่ในชุมชนที่ไม่เปลี่ยว

สำหรับการเดินทาง สายการบินที่ใช้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่บินสะดวกไม่ต้องต่อเครื่องมากนัก เช่นเดียวกับการเดินทางไปเที่ยวที่เน้นรถไฟฟ้าหรือรถทัวร์ในกรณีที่ต้องออกนอกเมืองหรือนอกเส้นทาง

อาหารการกิน นอกจากเรื่องของบุฟเฟ่ต์ที่กินไม่จำกัดและไม่แพงแล้ว สำหรับคนจีนจำนวนมากที่เดินทางมาเที่ยวเอง พวกเขามักจะกินอาหารง่าย ๆ ร้าน “ข้างทาง” และสิ่งที่ผมเห็นก็คือ ทุเรียนกับมะพร้าวอ่อนที่พวกเขาชอบมาก ทุเรียนนั้น แน่นอนว่าเป็นผลไม้ที่อร่อยมากและหากินได้ยากในจีน เช่นเดียวกับมะพร้าวที่แก้กระหายได้ดีในประเทศร้อนอย่างไทย ทั้งสองสินค้านี้ผมเข้าใจว่ากำลังขายได้ดีมากและราคาปรับตัวขึ้นไปสูงเพราะ “ขาดตลาด” อานิสงค์จากคนจีนที่เดินทางท่องเที่ยวในไทย

สินค้าที่ระลึกหรือซื้อกลับไปใช้ของนักท่องเที่ยวจีนที่เป็น “ยอดนิยม” นั้นมักจะมาจากร้านสะดวกซื้อ 7-11 รวมถึงสาหร่ายยี่ห้อเถ้าแก่น้อยที่มักซื้อกันเป็นหลาย ๆ ซอง ยาดมชนิดหลอดหรือแท่งที่ซื้อกันเป็นโหล ยาแก้เคล็ดขัดยอกที่เป็นแผ่นใหญ่ ๆ ตราเสือ นมอัดเม็ดจิตรลดาซึ่งมีไม่พอขายและทำให้ยี่ห้ออื่นเข้าทดแทนจนเป็นผู้นำได้ และสุดท้ายที่น่าจะขายได้มากที่สุดก็คือกลุ่มเครื่องสำอางขนาดบรรจุเล็กลงมาที่รวมถึงครีมบำรุงผิวหลากหลายยี่ห้อที่มีขายในร้าน 7-11 ซึ่งน่าจะรวมถึงครีม “หอยทาก” ที่ดูแปลกและแตกต่างสำหรับคนจีน นอกจากสินค้าที่กล่าวแล้ว ผมยังพบว่าผลิตภัณฑ์ “ยาแผนไทย” หรือสมุนไพรไทยก็ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวจีน เหตุผลก็แบบเดียวกัน มันหาได้ยากและน่าจะใช้ได้ดีและ “มาจากเมืองไทย”

สิ่งที่พูดมาทั้งหมดนั้น เป็นเพียงส่วนน้อยนิดของสิ่งที่นักท่องเที่ยวนิยม แต่ผมเชื่อว่าผลิตภัณฑ์และสินค้าเหล่านั้นขายได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพราะนักท่องเที่ยวจีน ว่ากันว่าสาเหตุที่บริษัท BEAUTY มีผลประกอบการดีขึ้นมากและหุ้นขึ้นมากมายส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะคนจีนจำนวนมากที่เข้ามาซื้อเครื่องสำอางราคาไม่แพงของร้าน Beauty ที่ขายแบบ “บุฟเฟ่ต์” และมีสาขาทั่วไปตามสถานที่ที่คนจีนไปเที่ยว เช่นเดียวกับหุ้น Karmart หุ้นเถ้าแก่น้อย และอีกหลาย ๆ ตัวที่ “เกาะกระแสนักท่องเที่ยวจีน” ในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม นี่ก็ไม่ได้เชียร์ให้ซื้อหุ้น เพราะการลงทุนนั้นนอกจากผลประกอบการของบริษัทแล้ว ราคาหุ้นก็เป็นปัจจัยที่สำคัญไม่น้อยกว่าหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ดังนั้น ก่อนที่จะเกาะก็ต้องระวังว่าเราจะไม่ “หลุดลอย” จากสิ่งที่เกาะ หรือ แทนที่จะกำไรก็กลายเป็นขาดทุนได้เพราะราคาหุ้นแพงเกินไป

ที่มาบทความ : http://www.thaivi.org/เกาะกระแสนักท่องเที่ยว