C.A.U.T.ION: รับมือความผันผวนท้ายปี 2024 ถึงปี 2025

ตลาดการเงินกำลังอยู่ในช่วงที่ความผันผวนสูงที่สุดของปี

ที่รออยู่มีทั้งการเลือกตั้งใหญ่ในสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. สงครามตะวันออกกลางที่พร้อมยิงจรวดใส่กันทุกเมื่อ เศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลกที่ส่งสัญญาณซับซ้อนว่าจะเติบโตหรือใกล้ถดถอย

เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจไม่ค่อยมีเรื่องบวก และยิ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อรายงาน Global Fund Manager Survey เดือนล่าสุดของ Bank of America Securities ชี้ว่านักลงทุนทั่วโลกเข้าถือสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเติม ด้วยความหวังว่านโยบายการเงินจะผ่อนคลายพร้อมกับทางการจีนจะกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

ตลาด “โลกสวย” เกินไปหรือไม่ เป็นคำถามที่นักลงทุนไม่ใช่แค่ต้องหาคำตอบ แต่ต้องวางกลยุทธ์สำหรับไตรมาสนี้ไปถึงปีหน้าไปด้วย ในมุมมองของผม CAUTION คือคำที่อธิบายโลกลงทุนได้ดี และ 4 ตัวอักษรแรกสำคัญที่สุด

C for China ถ้าจะไปต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนมีบทบาทสำคัญในการสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก

ในมุมมองของผม นโยบายกระตุ้นที่หลากหลาย ช่วยหนุนอารมณ์ตลาดได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาว ตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้นหรือไม่ อยู่ที่ความเชื่อมั่นของทั้งผู้ประกอบการและนักลงทุน ตัวแปรสำคัญที่สุดของจีน หนีไม่พ้น GDP ที่ต้องมีเห็นโอกาสเติบโตถึงเป้า 5% เป็นอย่างน้อย นอกจากนั้นก็ต้องเห็นแนวการปรับมุมมองการเติบโตให้ช้าลงโดยที่เศรษฐกิจไม่ถดถอย

A for AI พัฒนาการไม่ใช่แค่สิ่งใหม่ แต่ต้องทำกำไรได้

ด้วย Valuation ที่สูงในปัจจุบัน ธีม AI จะได้ไปต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอัตราการทำกำไร (Profit Margin) ของบริษัทที่เกี่ยวข้องที่ต้องสูงกว่า 15% เป็นอย่างน้อย

ในกลุ่ม Tech ที่ไม่น่าเป็นห่วงมีเพียง Software (เช่น Microsoft, Google) ที่แค่ต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มตามปริมาณความต้องการของลูกค้า

แตกต่างจาก Hardware Sector (เช่น Tesla, Apple) ที่ Margin ต่ำเพียง 15-25% เสี่ยงที่จะถูกขายทำกำไรที่สุด ถ้าต้องมีการลงทุนเพิ่มที่มากกว่ารายรับ

และที่ต้องลุ้นหนักคือกลุ่ม Semiconductor (เช่น NVIDIA, AMD) การเติบโตต่อจากนี้อาจมีอุปสรรคจากเงินลงทุนเริ่มต้นที่สูง การปรับสายพานการผลิตหลบสงครามการค้า และการแข่งขันที่เข้มข้น Margin มีโอกาสลดลงจากระดับ 30-40% ลงไปเหลือ 10-20%

U for United States จับตาไปที่นโยบายการเงินต้องต่ำให้ได้มากที่สุด

สหรัฐมีหลายเรื่องที่ต้องติดตาม ทุกเรื่องมีความสำคัญกับตลาดการเงินสูง

แต่ถ้าต้องจับตาเพียงเรื่องเดียว คงต้องเป็นจุดจบของดอกเบี้ยนโยบายรอบนี้ อย่างไม่ต้องสงสัย

กรณีฐาน Harris ชนะการเลือกตั้งได้รัฐบาลผสม Fed จะสามารถลดดอกเบี้ยลงอย่างระมัดระวังไปที่ 3.5% ได้ในปี 2024 ทำให้ตลาดการเงินมีเสถียรภาพ ผู้บริโภคกลับมาใช้จ่าย

กรณีที่ดีที่สุด คาดว่าจะเกิดขึ้นถ้าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะเสี่ยงถดถอยเฉียบพลัน ทำให้ Fed ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายจากการควบคุมเสถียรภาพ ไปเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทันที ดอกเบี้ยนโยบายจะสามารถลดลงไปได้ถึง 2.5%

ที่ต้องระวังคือกรณี Trump ชนะการเลือกตั้งและกลับมาใช้นโยบายลดภาษีเงินได้ พร้อมกับขึ้นภาษีการค้า อาจส่งผลให้เงินเฟ้อกลับมาพุ่งสูงจน Fed ต้องหยุดแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงไว้ที่ระดับ 4.5% เพื่อควบคุมเศรษฐกิจ

T for Trade Policy คาดว่าจะเป็นจุดชี้ว่า Sector ไหนจะไปต่อในปี 2025

นโยบายการค้ามีความสำคัญมากในปี 2025 เพราะมีความเกี่ยวข้องทั้งกับจีน สหรัฐ และ AI Supply Chain พร้อมกัน

ผมเลือกที่จะใช้ Dollar Index (DXY) เป็นตัวชี้วัดความตึงเครียดด้านการค้า เพราะหากสหรัฐขู่ว่าจะเพิ่มกำแพงภาษีหรือคว่ำบาตร เงินของประเทศคู่ค้ามักอ่อนค่าก่อน เพื่อสะท้อนความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ในทางตรงกันข้าม ถ้านโยบายการค้าเสรีกลับมา ก็ควรเห็นสกุลเงินประเทศคู่ค้าแข็งค่า DXY ปรับตัวลง

ปัจจุบัน DXY อยู่ที่ระดับ 103จุด กรณีดีที่สุดหากนโยบายการค้าเป็นมิตรกับนานาชาติ และไม่มีความตึงเครียดทางการค้าเพิ่มขึ้น DXY อาจลดลงมาที่ 90-95จุด ส่วนกรณีเสี่ยงจะเกิดขึ้นถ้าความตึงเครียดทางการค้าทวีความรุนแรงทั่วทั้งโลก คาดว่าจะเห็น DXY กลับขึ้นไปยืนเหนือ 105จุดเป็นอย่างน้อย

เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกธีม C.A.U.T.ION ผมมองว่านักลงทุนสามารถปรับกลยุทธ์ลงทุนให้เหมาะสมได้หลายแบบ

(1) หุ้นจีน ควรกลับมามีที่ยืนในพอร์ตของเราในสัดส่วน 10-15% ตามความเชื่อมั่นของแต่ละท่าน

(2) กลุ่ม AI สามารถคงสัดส่วนลงทุน 10-15% ไว้ได้ แค่เน้นไปที่บริษัทที่มีศักยภาพในการทำกำไรอย่างยั่งยืน แทนที่กลุ่มเติบโตสูงอย่าง Semiconductor

(3) หุ้นโลกนำโดยสหรัฐ คงเป็นองค์ประกอบหลักของการลงทุน แค่ควรปรับการลงทุนไปในกลุ่มที่รายได้มีความสัมพันธ์กับดอกเบี้ยและค่าเงินดอลลาร์ต่ำเพื่อลดความเสี่ยง

ผมเชื่อว่าการปรับพอร์ตรับธีม C.A.U.T.ION จะช่วยให้เรากำหนดกลยุทธ์ได้อย่างมีหลักการ สามารถเดินหน้าผ่านความไม่แน่นอนของตลาดปลายปีนี้ถึงปีหน้าได้อย่างมั่นคง

เพราะ “Caution is the key to navigating the waves of uncertainty.” ครับ

C.A.U.T.ION: รับมือความผันผวนท้ายปี 2024 ถึงปี 2025

ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงตั้งแต่ต้นปีของหุ้น Sector และรายประเทศทั่วโลก
ที่มา: Bloomberg และ FSS วันที่ 17 ต.ค. 2024

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์

TSF2024